ทิศทางต่อไปของสังคมการเมืองไทย

วันที่ 19 .. 2549 เป็นวันที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ และได้ประกาศต่อสาธารณชนว่าจะร่างธรรมนูญการปกครองชั่วคราวและสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาบริหารประเทศภายใน 2 สัปดาห์นี้ และจะจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายในระยะเวลา 1 ปี

สังคมการเมืองไทยจะเดินไปในทิศทางไหน อย่างไร ?

สิ่งสำคัญลำดับแรกนับจากนี้ไป คือ การสรรหานายกรัฐมนตรีที่จะเข้ามาบริหารประเทศในระยะเวลาสั้น ๆ นั้น ควรที่จะสรรหาและแต่งตั้งบุคคลที่ได้รับการยอมรับนับถือ กล่าวคือ จะต้องเป็นคนที่มีคุณธรรมและจริยธรรม ไม่มีข้อครหาเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน หรือเคยใช้อำนาจรัฐเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ขณะเดียวกัน ต้องเป็นคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจำเป็นต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศโดยเฉพาะการประกาศนโยบายการบริหารประเทศ และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างเร่งด่วน และรีบทำความเข้าใจกับนานาชาติและนักลงทุนต่างชาติถึงสถานการณ์ในประเทศไทยเพื่อที่จะเรียกความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ตลอดจนการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตและการเคารพตามหลักกติกาสากลอย่างครบถ้วน

ลำดับถัดไปที่สำคัญ คือการดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการของรัฐที่มีนักการเมืองและพวกพ้องที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะเอาผิดนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชัน ตามที่ได้ประกาศว่าการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาส่อไปในทุจริต ประพฤติมิชอบ และเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องอย่างกว้างขวาง ซึ่งจะทำให้ข้อกล่าวหาของคณะปฏิรูปการปกครองฯ มีน้ำหนักและเอาผิดนักการเมืองอย่างแท้จริง

ในส่วนของการคืนอำนาจให้กับประชาชน โดยเฉพาะการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สามารถเร็วกว่าหนึ่งปีได้ หลังจากนั้นจึงดำเนินจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ผมเชื่อว่า โครงสร้างของรัฐธรรมนูญ พ..2540 เป็นสิ่งที่ดี บางหมวดบางมาตราควรที่จะยังคงไว้หรือแก้ไขปรับปรุงบางส่วนเท่านั้น ขณะที่บางมาตราควรจะที่ปรับเปลี่ยนซึ่งก็ควรจะมีการศึกษาจากงานวิจัยที่เคยทำมาบ้างแล้วจากสถาบันวิชาการต่าง ๆ ขณะเดียวกัน ควรตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งที่ศึกษาผลการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ พ..2540 ในช่วง 9 ปีเศษที่ผ่านมาอย่างเป็นวิชาการและความเป็นจริงกับสังคมไทย เพื่อเป็นฐานความรู้ระดับหนึ่งควบคู่ไปกับการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเปิดให้ทุกภาคส่วนของสังคมไทยเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการดังกล่าว ตั้งแต่ ภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ภาคราชการ สื่อมวลชน นักวิชาการ นักกฎหมายมหาชน นักรัฐศาสตร์ เป็นต้น

ถึงตรงนี้แล้ว ประเทศไทยไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ไม่มีอัศวินม้าขาวอีกต่อไป แต่เป็นของพวกเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันสร้าง ช่วยกันคิด ช่วยกันพัฒนา เพื่อให้ประเทศชาติของเราพัฒนา และมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

admin
Catagories: 
เผยแพร่: 
0
เมื่อ: 
2006-09-25