เบื้องหลังของการส่งสัญญาณทางเศรษฐกิจ
เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ในรายการนายกทักษิณคุยกับประชาชน เมื่อวันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา รักษาการนายกรัฐมนตรีได้บรรยายถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศ โดยระบุว่า ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2549 เศรษฐกิจขยายตัวได้ดี แต่มีแนวโน้มแย่ลงในไตรมาสที่เหลืออยู่ ด้วยปัจจัยราคาน้ำมันที่สูงขึ้น การบริโภคหดตัวลง และการลงทุนชะลอตัว
การส่งสัญญาณทางเศรษฐกิจของรักษาการนายกฯ ดังกล่าวข้างต้น เป็นพฤติกรรมที่ขัดแย้งกับพฤติกรรมในอดีตของนายกฯ เพราะตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีของการบริหารประเทศ นายกฯ ทักษิณมักจะส่งสัญญาณทางเศรษฐกิจในเชิงบวก และแทบไม่เคยกล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจในเชิงลบมาก่อน แม้ในยามที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงก็ตาม
ดังจะเห็นได้จากการที่นายกฯ เคยประกาศว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 6 ร้อยละ 8 และร้อยละ 10 ในช่วงปี 2546 ndash;2548 ตามลำดับ แต่ในความเป็นจริงเศรษฐกิจในช่วงปีดังกล่าวกลับขยายตัวลดลงเรื่อย ๆ จากร้อยละ 7 ร้อยละ 6.2 และร้อยละ 4.5 ตามลำดับ
หรือตัวอย่าง ในช่วงกลางปี 2548 ที่นายกฯ ได้เชิญนักธุรกิจมาประชุม และส่งสัญญาณเชิงบวกว่า เศรษฐกิจปี 2548 จะขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ทั้ง ๆ ที่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2548 เศรษฐกิจชะลอตัวลง โดยขยายตัวเพียงร้อยละ 3.3
เช่นเดียวกับคนในรัฐบาลที่มักจะออกมาประสานเสียงในทิศทางเดียวกับนายกฯ มาโดยตลอด ดังตัวอย่างของรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่มักจะกล่าวถึงเศรษฐกิจในเชิงบวก แม้หลังจากที่ศาลตัดสินให้การเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายนเป็นโมฆะ รมว.คลังยังออกมากล่าวว่าปัญหาการเมืองจะไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ในเวลาต่อมาไม่นานนัก รมว.คนเดิมกลับส่งสัญญาณในทางตรงกันข้าม
ล่าสุด เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 รมว.คลังรีบออกมาให้ความเห็นทันทีว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างแน่นอน ทั้ง ๆ ที่ประธานของเฟดส่งสัญญาณว่าจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย ในขณะที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ธปท.จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยตามดอกเบี้ยของสหรัฐ
หรือในกรณีของ ดร.โอฬาร ไชยประวัติ ซึ่งเป็นนักวิชาการและผู้บริหารที่ใกล้ชิดกับท่านนายกฯ ได้ออกมาพยากรณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ในกรณีที่แย่ที่สุด เศรษฐกิจปี 2549 อาจจะขยายตัวเพียงร้อยละ 2 นับเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าการพยากรณ์ของทุกสำนัก ซึ่งอยู่ระหว่างร้อยละ 3 ถึง 4.5 แม้ผมไม่ทราบว่า ดร.โอฬาร กำหนดข้อสมมติ (Assumption) ในการพยากรณ์ครั้งนี้อย่างไร แต่ผมเชื่อว่าเป็นข้อสมมติที่ค่อนข้างเป็นแง่ลบมาก ๆ
พฤติกรรมการพร้อมใจกันส่งสัญญาณทางเศรษฐกิจในเชิงลบแบบสุดโต่งของรัฐบาลในเวลานี้ ทำให้เกิดผมข้อสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาลที่เคยมีพฤติกรรมมองโลกในแง่บอกแบบสุดโต่ง
เมื่อพิจารณาสถานการณ์ทางการเมืองที่รักษาการนายกฯ กำลังถูกตำหนิและฟ้องร้องในกรณีที่กลับมาทำหน้าที่หลังจากที่เว้นวรรคไป ข้อวิพากษ์เกี่ยวกับการกลับมาจัดรายการวิทยุ และการใช้งบประมาณและจัดทำนโยบายต่าง ๆ ที่ถูกมองว่าเสียมารยาทในการสร้างภาระผูกพันไปยังรัฐบาลต่อไป
ผมจึงได้คำตอบของพฤติกรรมดังกล่าวว่า อาจเป็นเพียงกลยุทธ์เดิม ๆ ที่รัฐบาลเคยใช้ คือการสร้างความกลัวให้แก่สังคม เพื่อสร้างความชอบธรรมในการกลับมาทำหน้าที่นายกฯ และการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่แตกต่างจากการสร้างกระแสว่า ยาเสพติดกลับมาระบาดอีกครั้งหนึ่งนั่นเอง