เสือกระดาษ
ในช่วงปี 2546 เคยเกิดเหตุการณ์ยอดการใช้จ่ายของบัตรเครดิตขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากการกระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชนของรัฐบาล ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวล จนในที่สุดธนาคารแห่งประเทศไทยต้องออกมาคุมเข้มบัตรเครดิตมากขึ้น กระแสในเรื่องดังกล่าวจึงเงียบไป
ปัจจุบันเราจะเห็นมีผู้หันมาให้บริการด้านสินเชื่อ บัตรเครดิตมากขึ้น ทั้งที่เป็นสถาบันการเงินและที่ไม่ใช่ (non ndash; bank) เช่น บริษัทอีซี่ บาย หรือบริษัทแคปปิตอล โอเค ที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น และธนาคารดีบีเอส โดยที่บริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้นใหญ่ร้อยละ 60 เป็นต้น แต่ละบริษัทต่างทำการตลาดเชิงรุกหรือมีโปรโมชั่นมากมายเพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการ โดยภาครัฐไม่มีการควบคุมในเรื่องนี้มากนัก ทำให้คนเป็นหนี้บัตรเครดิตมากขึ้น
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกฯ ได้ออกมาสั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เข้ามาคุมเรื่องการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของประชาชนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่ารัฐบาลไม่ได้มีแรงจูงใจมากนักในการควบคุมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เนื่องจาก
รัฐบาลนี้ให้ความสนใจในเรื่องการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันชะลอตัวและมีความผันผวน เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ราคาน้ำมัน ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เศรษฐกิจโลกและสหรัฐชะลอตัว การกระตุ้นการบริโภคของประชาชนโดยการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้นายกฯ สามารถรักษาสัญญาที่ให้กับประชาชนเอาไว้ว่าจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตร้อยละ 5 ให้ได้
นอกจากนี้ การควบคุมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากเกินไป อาจกระทบต่อกิจการของบริษัทแคปปิตอล โอเค ซึ่งบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และเป็นบริษัทในเครือชินวัตร ซึ่งอาจเป็นแรงจูงใจหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลไม่เข้มงวดมากนักในการควบคุมเรื่องบัตรเครดิตก็เป็นไปได้
สำหรับความคิดเห็นของผมเกี่ยวกับประเด็นนี้ ในระยะสั้น การปล่อยให้สถานการณ์นี้ดำเนินต่อไป ถึงแม้ว่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวมากขึ้น ผ่านการบริโภคภาคประชาชน ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดของนายก ฯ คือ Domestic Demand Led Growth แต่ว่าในระยะยาวแล้วอาจส่งผลเสีย เพราะ การที่ประชาชนเป็นหนี้มากขึ้นจะทำให้การผลิตและการบริโภคของประชาชนในอนาคตชะลอตัว เนื่องจากต้องกันเงินส่วนหนึ่งเอาไว้ชำระหนี้คืน
ผลกระทบอีกทางหนึ่ง คือจะส่งผลกระทบต่อระบบสถาบันการเงิน เพราะประชาชนมีความเสี่ยงต่อการขาดความสามารถในการชำระหนี้ เพราะหนี้ครัวเรือนสูงขึ้นมาก และอัตราดอกเบี้ยกำลังจำเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินต้องตั้งสำรองสำหรับหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถในการปล่อยสินเชื่อลดลง ซึ่งกระทบเศรษฐกิจโดยรวมอย่างมาก