จับตาผู้สมัครกำมะลอ
การเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตในวันที่ 4-8 มีนาคม ผมขอวิงวอนให้ประชาชนร่วมกันจับตามอง เพราะอาจมีผู้สมัครกำมะลอ ที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ มาลงสมัคร โดยเฉพาะคุณสมบัติตาม ม.107 (4) ที่ระบุว่า ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคเดียว นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วันในเวลานี้ หน้าที่ของประชาชนไทยควรช่วยกันเป็นหู เป็นตา และสอดส่องดูว่า มีความพยายามที่จะช่วยเหลือและปรับเปลี่ยนประวัติผู้สมัครเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองต่าง ๆ หรือไม่ รวมถึงจับตาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ว่ามีผู้สมัครคนใดบ้างที่มีคุณสมบัติที่อาจไม่ตรงตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่เข้ามาสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อช่วยพรรคการเมืองบางพรรค
จากการที่ผมเดินทางไปปราศรัยในจังหวัดต่าง ๆ มีชาวบ้านบางคนบอกผมว่า ตอนนี้พรรคการเมืองพรรคขนาดเล็ก ร่วมมือกับพรรคการเมืองขนาดใหญ่ กำลังเร่งสรรหาคนมาสมัครเลือกตั้ง ส.ส. เพื่อแข่งขันกับผู้สมัครของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ เพราะเกรงว่าหากพื้นที่ใดมีผู้สมัครจากพรรคการเมืองเดียว ผู้สมัครท่านนั้นจะได้เป็น ส.ส. ก็ต่อเมื่อได้คะแนนเสียงเกิน 20% ของผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งมีความเสี่ยงว่าคะแนนที่ผู้สมัครได้รับอาจไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด แต่ถ้าสามารถสรรหาคู่แข่งมาลงสมัครได้ เงื่อนไขคะแนนเสียงเกิน 20% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็ไม่มีผลบังคับใช้ ทำให้เส้นทางเข้าสภาห้าร้อยย่อมง่ายขึ้น
การที่อดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ทำให้การสรรหาผู้สมัครของพรรคการเมืองขนาดเล็กในทุกเขตเลือกตั้ง เพื่อมาแข่งขันกับพรรคการเมืองขนาดใหญ่ เป็นไปได้ยาก เพราะพรรคขนาดเล็กขาดสมาชิกที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้การรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตในช่วง 4 วันที่ผ่านมามีผู้มาลงสมัครจาก 10 พรรคการเมือง เพียง 378 คนเท่านั้น
ชาวบ้านที่มาพูดกับผมระบุว่า หัวหน้ากลุ่มวิสาหกิจชุมชนกำลังเร่งติดต่อหาคนจากวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ เพื่อลงสมัคร ส.ส.ในนามของพรรคการเมืองขนาดเล็ก โดยสรรหาคนที่มีคุณสมบัติหลัก ๆ คือ การศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปี แต่กลับบอกว่าการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน ตาม ม.107 (4) นั้นไม่เป็นปัญหา ซึ่งผมวิเคราะห์ว่า การจะทำให้ข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองถูกต้องตาม ม.107 (4) ได้นั้น จะต้องมีขบวนการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลของสมาชิกพรรคการเมือง โดยการร่วมมือกันของพรรคใหญ่และพรรคเล็ก รวมทั้งอาจจะต้องได้รับการช่วยเหลือจากคนในหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการเลือกตั้งด้วย