ใช้อีโก้ ดีกว่าให้ อีโก้ใช้

     "คำที่มีอักษร 3 ตัว แต่มีพิษร้ายแรงที่สุด คือ คำว่า "ego"  ความทะนง หรือ ความเห็นแก่ตัว เอาชนะมันให้ได้"
     ข้อความนี้ ผมได้รับจากเพื่อนที่ชอบส่งต่อข้อคิดดี ๆ ผ่านมาทางไลน์  เชื่อว่าเมื่อหลายคนได้อ่าน ก็มักจะเห็นด้วยทันทีว่า อีโก้ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี และต้องเอาชนะมันให้ได้ ...
     ในความเป็นจริง ผมคิดว่า ข้อความนี้มองอีโก้ใน "แง่ ร้าย" เกินไป อีโก้โดยตัวมันเองนั้นมีความเป็นกลาง มีทั้ง ส่วนที่ดี และ ส่วนที่ไม่ดี ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่า ให้อีโก้ทำงานของมันอย่างไร?
     หากวิเคราะห์ในสังคม สามารถแบ่งคนออกเป็น 3 กลุ่ม
     คนที่ปฏิเสธ "ไม่ใช้" อีโก้ คนกลุ่มนี้ยึดตามแนวคิดตามหลักศาสนา ซึ่งสอนให้คนไม่ยึดติดกับ "ตัวฉัน ของฉัน" ต้องยอมปล่อยวางกิเลส - ความโลภ ความโกรธ ความหลง เพราะเห็นว่าสิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งความทุกข์ และเป็นอนิจจัง แต่ในโลกความเป็นจริงนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และน้อยคนที่สามารถทำได้จริง
     มีเรื่องเล่าว่า ชายคนหนึ่งถามพระพุทธเจ้าว่า ?ผมต้องการมีความสุข จะต้องทำอย่างไร?? พระพุทธองค์ตอบว่า ?ตอนแรกให้เอา ?ฉัน? หรือ อัตตา/อีโก้ ออกไปก่อน จากนั้น เอา ?ความต้องการ? ออกไป ดูเถิด ตอนนี้ เจ้าก็เหลือแต่ ?ความสุข? แล้ว?
     การละอัตตาเป็นสิ่งที่ดี แต่การจะทำสำเร็จจริง มักต้องไปอยู่อย่างสันโดษ ห่างไกลจากสังคมที่กระตุ้นให้คนตอบสนองต่อความต้องการของตนเอง เพื่อความสุขสบาย สังคมที่ต้องต่อสู้ แข่งขันเพื่อความอยู่รอด ดังนั้น คนที่ปฏิเสธยอมทิ้งอีโก้ของตนเองจึงมีน้อยมาก เพราะไม่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตจริง
     คนที่ "ยอมให้" อีโก้ "ใช้" คนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มนี้  ยอมให้อีโก้เป็น "ศูนย์กลาง" เพราะโดยธรรมชาติมนุษย์ เราจะรักและให้ความสำคัญกับตัวเอง อยากเป็นคนสำคัญ อยากให้คนอื่นเห็นคุณค่า อีโก้ตอบสนองธรรมชาติมนุษย์ จึงเติมเต็มความต้องการด้านต่าง ๆ เพื่อความอยู่รอดและความสุขของตนเอง เช่น เมื่อหิวก็กิน อยากเป็นที่สนใจ ก็แต่งตัวให้สะดุดตา อยากให้หัวหน้าชื่นชม ก็ขยันทำงาน เป็นต้น พวกที่ขับเคลื่อนด้วยอีโก้ ให้อีโก้เป็นใหญ่ อาจไม่ได้ตระหนักว่า การตอบสนองอีโก้ของตนจะทำร้ายผู้อื่น สร้างปัญหาให้สังคม หรือย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองอย่างไร
     เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวว่า ผู้จัดการคนหนึ่ง หน้าที่การงานกำลังไปได้ดี แต่วันหนึ่ง เมื่อมีลูกค้ามาต่อว่าเพราะไม่พอใจบางเรื่อง แทนที่จะยอมรับและขอโทษด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม กลับเกิดอารมณ์ไม่พอใจที่ถูกต่อว่า และโต้เถียงลูกค้าไป กลายเป็นการทะเลาะวิวาท ปรากฏมีผู้ถ่ายคลิปและเผยแพร่ไปทั่วในโลกออนไลน์ จนเป็นข่าวดังครึกโครม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรเสียหาย และคนทั่วไปเห็นว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ในที่สุด ผู้บริหารองค์กรจึงต้องออกมาขอโทษ และไล่ผู้จัดการคนนั้นออกไป 
     แม้ผู้จัดการคนนั้น จะรู้สึกสำนึกผิด และออกมาขอโทษต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสมของตน...แต่สายเกินไปเสียแล้ว เพราะเสียงาน เสียตำแหน่ง เสียรายได้ที่เคยได้รับ และที่น่าเศร้ากว่านั้น คือ ต้องรับผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวต้องเดือดร้อนเพราะขาดรายได้ ตนเองจะมีประวัติที่ไม่ดีติดตัวไปด้วย  
     นี่คือ ตัวอย่างเรื่องจริงของ อีโก้ ? ถ้าให้มันเป็นใหญ่ มันจะทำตามอำเภอใจ และทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ดีไม่งามได้ คนที่ยอมให้อีโก้ใช้ ให้อีโก้เป็นใหญ่ ขับเคลื่อนด้วยอีโก้ และจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง มิฉะนั้น อีโก้จะทำร้ายผู้อื่น สร้างปัญหาให้สังคม และย้อนกลับมาทำลายตัวเอง ได้ในที่สุด
     คนที่ "รู้จักใช้" อีโก้ คนกลุ่มนี้คือ คนที่รู้จักอีโก้ รู้จักตัวเอง และควบคุมอีโก้ของตัวเองไม่ให้ "ออกคำสั่ง" ได้ โดยใช้ความคิด สติปัญญา เหตุผล และหลักคุณธรรม มาเป็นตัวประเมินก่อนตัดสินใจ คำนึงถึงผู้อื่น และผลกระทบที่จะตามมา จนสามารถระงับความต้องการของตนเองได้ เช่น สมมติลูกค้าต่อว่าเราด้วยวาจาไม่สุภาพ ใช้ภาษาที่ดูถูกดูแคลน แทนที่จะตอบโต้กลับด้วยความโกรธ แต่กลับพูดขอโทษ และขอบคุณ พร้อมจะกลับไปแก้ไข เพราะประเมินแล้วว่า ตัวเองมีส่วนผิดจริง และมองว่า หากตอบโต้กลับด้วยความรุนแรงอาจจะตกงาน และครอบครัวต้องประสบความลำบาก เป็นต้น 
     นอกจากนี้ คนที่รู้จักใช้อีโก้จะไม่สูญเสียความเชื่อมั่นในตนเอง และจะใช้พลังอีโก้เพื่อเป็นช่องทางผลักดันตนเองไปสู่ความสำเร็จได้เสมอ ยกตัวอย่างเช่น พนักงานบางคน เมื่อถูกหัวหน้างานหรือเพื่อนร่วมงานดูถูกดูแคลนว่า ทำไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ แทนที่จะคิดน้อยใจ คิดโกรธแค้น หรือคิดที่จะตอบโต้ กลับเปลี่ยนคำดูถูกที่ได้รับ เป็นพลังฮึกเหิม เกิดความมุมานะพยายาม และบอกกับตัวเองว่าจะต้องทำให้สำเร็จ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ลบคำสบประมาทนั้นให้ได้ และในที่สุดก็สามารถทำได้สำเร็จ
     อีโก้เป็นสิ่งที่ดี ถ้ารู้จักนำมาใช้อย่างเหมาะสม ดังนั้น ถ้าเรารู้วิธีใช้อีโก้อย่างมีประสิทธิภาพ และจัดการมันได้อย่างดี อีโก้จะช่วยให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จได้
 
ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
kriengsak@kriengsak.comhttp://www.kriengsak.com
Catagories: