ระบบขนส่งมวลชนเพื่อคุณภาพชีวิตผู้พิการ

ที่มาของภาพ http://www.glosdar.plus.com/images/intro-Montage.jpg

ปัญหาสำคัญประการหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของผู้พิการทั่วโลก คือ ปัญหาความไม่สะดวกและความยากลำบากในการเดินทางคมนาคม ซึ่งนับได้ว่าเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของภาวะการมีงานทำ การมีส่วนร่วมทางการเมือง การเข้าถึงการศึกษา และการเข้าร่วมกลุ่มเพื่อการพัฒนาตนเอง

จากผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี พ.ศ. 2550 พบว่า จำนวนผู้พิการในประเทศไทยมีทั้งสิ้นถึง 1.9 ล้านคน ในจำนวนนี้มีผู้พิการที่มีอายุระหว่าง 15-30 ปีจำนวน 2.3 แสนคน โดยมีถึงร้อยละ 81.7 ที่ไม่ได้อยู่ระหว่างการเรียนหนังสือ ในส่วนของผู้พิการที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปมีจำนวนทั้งสิ้น 1.8 ล้านคน พบว่ามีจำนวนถึง 1.2 ล้านคนหรือคิดเป็นร้อยละ 67 เป็นผู้ที่ไม่มีงานทำ ทั้งที่ ในจำนวนนี้ถึงกว่าร้อยละ 19.4 จะเป็นผู้มีฝีมือในด้านการเกษตรและการประมงก็ตาม สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการศึกษาและภาวะการมีงานทำเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้พิการ นอกเหนือไปจากความจำกัดในทางกายภาพ หากวิเคราะห์ลงลึกต่อไปจะพบว่าสาเหตุหนึ่งของปัญหาเหล่านี้ก็คือ การไม่สามารถเข้าถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของผู้พิการ รวมทั้งการที่ภาครัฐไม่ได้จัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบขนส่งมวลชนสาธารณะที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมสำหรับผู้พิการ เพื่อให้ผู้พิการสามารถเดินทางไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยสะดวก

ประเทศที่พัฒนาแล้วต่าง ๆ ทั่วโลกค่อนข้างให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้พิการเป็นสำคัญ ซึ่งมีผลช่วยให้ผู้พิการในประเทศเหล่านี้มีคุณภาพชีวิตอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ดีตามไปด้วย หนึ่งในมาตรฐานการดำรงชีพที่สำคัญคือ การจัดให้มีระบบขนส่งมวลชนที่เอื้อให้ผู้พิการสามารถใช้บริการได้ง่ายและสะดวก เช่น ในรัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย มีนโยบายช่วยเหลือให้ผู้พิการใช้บริการรถขนส่งสาธารณะอย่างสะดวก โดยการออกบัตร Companion Card ที่ให้สิทธิพิเศษโดยสารฟรีกับคนที่ดูแลผู้พิการที่ถือบัตรนี้และเดินทางไปพร้อมกับผู้พิการ บริการดังกล่าวครอบคลุมทั้งการเดินทางโดยรถไฟ รถราง รถประจำทางในเมืองหลวงและในเมืองต่าง ๆ รวมทั้งรถโค๊ชเดินทางระหว่างจังหวัดด้วย ซึ่งรัฐวิคตอเรียถือได้ว่าเป็นรัฐแรกของประเทศออสเตรเลียที่จัดให้มีบริการดังกล่าวนี้ รวมทั้งยังได้มีการกำหนดให้รถไฟ รถราง และรถโดยสารประจำทางจะต้องจัดพื้นที่เฉพาะให้ผู้พิการสามารถนำรถเข็นของตนไปจอดอย่างปลอดภัยได้ด้วย

อีกตัวอย่างหนึ่งคือกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ หน่วยปกครองท้องถิ่นได้จัดให้มีบริการรถตู้พิเศษสำหรับผู้พิการ สามารถรับผู้โดยสารได้ประมาณ 9ndash;12 คน โดยมีการใช้ระบบ GPS กับรถเหล่านี้ ทำให้รถทุกคันจะทำงานเชื่อมโยงกับศูนย์ประสานที่ติดตามตำแหน่งรถเพื่อให้รู้ตำแหน่งและประสานให้มีรถไปรับผู้พิการที่ติดต่อเข้ามาที่ศูนย์ประสานงาน บริการรถตู้ดังกล่าวเปิดทดลองใช้เมื่อปลายปี 2002 และเริ่มต้นใช้ในปี 2003

เมือง Nottingham ประเทศอังกฤษ รัฐบาลท้องถิ่นกำหนดให้ผู้พิการสามารถใช้บริการรถประจำทางโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในบริเวณ Greater Nottingham(บริเวณใจกลางเมือง) และจ่ายค่าโดยสารครึ่งราคาในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขต Nottingham Dial-a-Ride และจัดให้มีบริการลดราคาตั๋วรายวันให้กับผู้พิการที่ใช้บริการนอกพื้นที่ดังกล่าว ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลท้องถิ่นยังได้ปรับปรุงจุดจอดรถโดยสารประจำทางมากกว่า 600 จุดเพื่อให้ผู้พิการสามารถรอรถได้อย่างสะดวก ปลอดภัย รัฐบาลท้องถิ่นยังตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี 2010 รถประจำทางทั้งหมดในเมือง Nottingham จะเป็นรถโดยสารประจำทางพื้นต่ำระบบไฮโดรลิกที่ผู้พิการสามารถใช้บริการอย่างสะดวก หรือประเทศสหรัฐอเมริกา ที่รัฐบาลได้กำหนดให้ทุกที่จอดรถทั้งของเอกชนและของรัฐต้องมีจุดจอดรถเฉพาะสำหรับผู้พิการที่มีบัตรอนุญาต รัฐบาลมีมาตรการเอาผิดกับบุคคลปกติที่จอดรถในบริเวณที่จอดรถของผู้พิการอย่างจริงจัง

การพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการให้ดีขึ้นได้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องลดอุปสรรคในเรื่องการเดินทางของผู้พิการ เพื่อสนับสนุน ส่งเสริม และอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการสามารถเข้าถึงบริการสาธารณะอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้พิการเหล่านี้ดำเนินชีวิตในสังคมได้เหมือนเช่นคนปกติทั่วไปมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดช่องว่างทางสังคมให้กับผู้พิการเหล่านี้ให้น้อยลง พร้อมกับการส่งเสริมให้ผู้พิการสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเต็มศักยภาพและมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มากขึ้น

สำหรับประเทศไทย แม้ว่าที่ผ่านมาจะยังไม่มีมาตรการในการจัดระบบขนส่งมวลชนสาธารณะเพื่อผู้พิการอย่างชัดเจนและจริงจังมากนัก แต่ก็คงยังไม่สายเกินไปหากจะเริ่มต้นในการพัฒนาและปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนให้เอื้อกับผู้พิการมากขึ้น เช่น การจัดให้มีรถโดยสารพื้นต่ำที่ผู้พิการสามารถนำรถเข็นขึ้นไปได้โดยสะดวก หรือการจัดรถพิเศษสำหรับผู้พิการที่สามารถเรียกใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น

แม้ว่าผู้พิการจะเป็นเพียงกลุ่มคนเล็ก ๆ ในสังคม แต่ก็เป็นกลุ่มคนที่มีคุณค่าและสมควรจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกับคนปกติทั่วไป โดยปราศจากอคติและการเลือกปฏิบัติ เพราะฉะนั้น การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เอื้อสำหรับผู้พิการจึงมิได้เป็นเพียงสิ่งที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้พิการเท่านั้น แต่ยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานประการหนึ่งที่ช่วยให้ผู้พิการสามารถยืนอยู่ในสังคมได้อย่างมีเกียรติและมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วย

นำมาจากหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ ฉบับวันอังคารที่16 กันยายน 2551
admin
เผยแพร่: 
0
เมื่อ: 
2008-09-18