แน่ใจหรือว่าจะแก้ปัญหาการโกงได้

ldquo;ระบบ E-auction เปิดช่องการโกงเหมือนเดิม บริษัทกลางที่เข้ามาทำระบบ E-auction ไม่น่าเชื่อถือ และการทุจริตตรวจสอบได้ยากขึ้นจากความซับซ้อนของระบบrdquo;

นายกฯพูดผ่านรายการ ldquo;
นายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชน" เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2548 ว่า ครม. ได้มีมติเห็นชอบแผนการลงทุนในโครงการการลงทุนขนาดใหญ่ ตั้งแต่ปี 2548-2552 มูลค่ารวม 1.7 ล้านล้านบาท เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2548 ประเด็นที่สำคัญ คือ รัฐบาลจะนำระบบการประกวดราคาด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-auction มาใช้ในการประมูลโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งนายกฯให้ความมั่นใจว่า จะปราบการโกงประมูลในระบบราชการได้

ผมเกรงว่าระบบดังกล่าวจะกลายเป็นระบบที่เข้าไปขโมยเงินของประชาชน โดยที่ประชาชนไม่รู้ รัฐบาลพยายามเอาเทคโนโลยีมาหลอกลวงประชาชนว่าเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือ ป้องกันการโกงได้ แต่ปัญหาการโกงได้เกิดตั้งแต่ขั้นตอนก่อนใช้เทคโนโลยีเสียอีก

ไม่ช่วยแก้การฮั้วประมูล-ล็อคสเปก เมื่อหน่วยงานรัฐจะประกวดราคาด้วยวิธี E-auction จะมีการประกาศให้ผู้สนใจส่งเอกสารประกวดราคามาให้หน่วยงานดังกล่าว หน่วยงานรัฐจะเป็นผู้คัดเลือกผู้ที่เหมาะสม และประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือก กระบวนการฮั้วประมูลสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงนี้ ก่อนที่จะเข้าสู่การประกวดราคาในระบบ E-auction โดยแต่ละบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกอาจจะมีการตกลงถึงผลประโยชน์ร่วมกันก่อน และระบบนี้ยังไม่สามารถแก้ปัญหาการล็อคสเปก หรือการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจพิจารณาคัดเลือกบริษัทเพื่อเข้าประมูลในระบบ e-auction ได้

ความน่าเชื่อถือของบริษัทกลาง?
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสงสัย คือ ความน่าเชื่อถือของบริษัทกลางที่ทำหน้าที่จัดการประมูลแบบ e-auction ทั้งนี้หลังจากการคัดเลือกบริษัทที่ยื่นขอประกวดราคา รายชื่อบริษัทที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่การประมูล จะถูกส่งไปยังบริษัทกลางที่มีอยู่ประมาณ 7 บริษัท ซึ่งด้รับการไว้วางใจจากรัฐให้เป็นผู้จัดการประกวดราคาแบบ e-auction ทางอินเทอร์เน็ต และหน่วยงานของรัฐจะเข้ามาดูราคาที่ยื่นประกวดที่บริษัทกลาง อย่างไรก็ตาม บริษัทกลางดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือได้เพียงใด รัฐบาลได้เลือกมาด้วยวิธีใดรไม่อาจทราบได้ เพิ่มช่องทางรั่วไหล ตรวจสอบยาก ยิ่งไปกว่านั้น อาจเป็นการเพิ่มช่องทางการแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจ (Economic rent) โดยเข้าไปตรวจสอบได้ยาก เพราะรัฐบาลให้อำนาจแก่บริษัทกลางในการจัดการประมูล ซึ่งอาจทำให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทกลางฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์จากบริษัทที่ยื่นประกวดราคา โดยที่ สตง.ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ เพราะเจ้าหน้าที่ของบริษัทกลางไม่ใช่ข้าราชการ รวมทั้งความซับซ้อนของเทคโนโลยี ทำให้ตรวจสอบการทุจริตได้ยาก นอกจากนี้ ผู้ที่ชนะการประกวดยังมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะต้องเสียค่าการประกวดราคาให้กับบริษัทกลาง ตามที่หน่วยงานรัฐได้ตกลงกับบริษัทกลางไว้ และแจ้งให้ผู้ที่เสนอราคาได้รู้ในเอกสารประกวดราคา

ความซับซ้อนของการประกวดราคาอาจไม่ได้ช่วยให้การโกงลดลง ซ้ำยังเป็นการเพิ่มช่องให้มีการโกงงบประมาณ น่าเป็นห่วงว่าการที่รัฐจะดำเนินโครงการขนาดใหญ่ซึ่งมีเงินลงทุนเป็นล้านล้านบาทนั้น จะกลายเป็นโครงการที่ถูกผลาญงบประมาณไปกับการโกงอีกโครงการ
admin
เผยแพร่: 
0
เมื่อ: 
2005-06-21