ข้อพึงระวังของมาตรการเก็บภาษีบาปเต็มเพดาน

นายแพทย์มงคล ณ สงขลา ร.ม.ต.กระทรวงสาธารณสุข ได้เผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการมาตรการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า ได้ขอความร่วมมือไปยัง ร.ม.ต.กระทรวงการคลังให้พิจารณาขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ยังไม่ได้ขึ้นเต็มเพดานภาษี ตามมติของคณะกรรมการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2549 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้คณะกรรมการดังกล่าวเห็นว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับมาตรการขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น สุราขาว เบียร์ สุราแช่ สุราผสม รวมทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทอื่นที่ยังไม่ได้ขึ้นภาษีเต็มเพดานภาษี ตามพ.ร.บ.สุรา พ.ศ. 2493 ของกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง

อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะเชื่อว่าการใช้มาตรการเก็บภาษีกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนเต็มเพดานจะมีผลทำให้ลดจำนวนนักดื่มอย่างได้ผล แต่หากพิจารณาด้วยแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ การขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้จะทำให้ราคาเหล้า-เบียร์เพิ่มขึ้น แต่อาจไม่ทำให้การดื่มลดลงมากเท่าใดนัก เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้

ในสายตานักดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสินค้าจำเป็น

แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่เรียกว่า ldquo;กฎของความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาrdquo; แสดงถึงธรรมชาติของสินค้าแต่ละชนิด ที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงของปริมาณความต้องการจากผู้ซื้อ ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าชนิดนั้น ความยืดหยุ่นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสินค้าแต่ละชนิดมีความจำเป็นต่อการดำรงชีพ หรือสามารถใช้สินค้าอื่นทดแทนได้แตกต่างกัน ปัจจัยเหล่านี้เป็นเหตุทำให้การเปลี่ยนแปลงของปริมาณความต้องการของสินค้าแต่ละประเภทไม่เท่ากัน แม้ราคาของสินค้าเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงไปเท่ากันก็ตาม

หากพิจารณาสินค้าประเภทยาเสพติด อาทิ บุหรี่ เหล้า เบียร์ ฯลฯ ถือได้ว่าเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นในมุมมองของผู้ที่ติดยาเสพติด คุณสมบัติของสินค้าจำเป็น คือ แม้ว่าราคาสินค้านั้นเพิ่มขึ้นมาก แต่การบริโภคจะลดลงไม่มากนัก ดังนั้น เมื่อราคาจะสูงขึ้นมากแต่ผู้ที่ติดยาเสพติดเหล่านี้จะพยายามหาสินค้ามาเสพเพื่อตอบสนองความต้องการให้จงได้


มากยิ่งกว่านั้น สินค้าประเภทยาเสพติดทั้งหลาย ยังเป็นสินค้าที่ไม่สามารถหาสินค้าอื่นมาบริโภคทดแทนได้ หรือทดแทนได้น้อยมาก เช่น คนที่ชอบดื่มเหล้า ไม่สามารถดื่มกาแฟหรือหาสิ่งอื่นเพื่อเป็นการทดแทนได้ ด้วยเหตุนี้แม้รัฐบาลจะเก็บภาษีแบบสุดโหด แต่จะไม่มีประสิทธิภาพมากนักในการลดปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์

การควบคุมที่เข้มงวดมากอาจมีผลกระทบมาก

เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่ประชุมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ยังเสนอมาตรการควบคุมการโฆษณาส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ พร้อมทั้งมาตรการจำกัดการเข้าถึงด้วย ตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ควบคู่ไปกับมาตรภาษีแบบเต็มเพดาน

ผมเห็นว่าการแก้ปัญหาโดยใช้ทั้งกฎหมายและภาษีต้องระวังว่าอาจเป็นมาตรการที่เข้มงวดมากเกินไป แม้ว่ารัฐบาลจะมีเจตนาทีดีก็ตาม แต่ผมรู้สึกกังวลว่าการใช้มาตรการที่เข้มงวดมาก ๆ อาจจะสร้างผลกระทบที่รัฐบาลคิดไม่ถึง เช่น การห้ามโฆษณาทั้งหมด ทำให้ผู้ผลิตหน้าใหม่แข่งขันกับรายเดิมได้ยากเพราะไม่สามารถโฆษณาให้สินค้าเป็นที่รู้จักเหมือนรายเดิมที่อยู่ในตลาดมาก่อน ทำให้เกิดสงครามราคา หรือเกิดช่องทางการโฆษณาหรือวิธีการตลาดแบบใหม่ที่กฎหมายควบคุมไปไม่ถึง เป็นต้น

การใช้มาตรการขึ้นภาษีแบบเต็มเพดานอาจเกิดปัญหาอื่นตามมา ปัจจัยด้านราคาอาจไม่มีผลต่อนักดื่มรายได้สูง แต่นักดื่มรายต่ำอาจหาทางออกอื่น เช่น การเปลี่ยนไปบริโภคสุราราคาต่ำ โดยเฉพาะการบริโภคสุราเถื่อน ซึ่งอาจทำให้เกิดการระบาดของสุราเถื่อน เพราะผู้ผลิตสุราเถื่อนเห็นว่าสุราถูกกฎหมายราคาแพงมากจนคนซื้อไม่ไหว จึงจูงใจให้มีผู้ผลิตสุราเถื่อนที่มีราคาถูกออกมาแข่งขัน แล้วนักดื่มจำนวนมากก็หันไปบริโภคสุราเถื่อนแทนสุราถูกกฎหมายเพิ่มขึ้น ในที่สุดทำให้หน่วยงานของรัฐเสียงบประมาณในการปราบปราม เป็นต้น

ที่กล่าวทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้แสดงความไม่เห็นด้วยในการขึ้นภาษีบาปหรือมาตรการห้ามโฆษณาแต่อย่างใด เพราะผมไม่เห็นด้วยให้คนที่ดื่มเครื่องดื่มมึนเมา อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาของรัฐบาลควรพิจารณาผลกระทบในทุก ๆ มิติ ไม่เพียงมิติด้านสังคมเท่านั้น พร้อมทั้งพิจารณาผลกระทบอื่นจากช่องว่างทางกฎหมายด้วย แม้ว่ากฎหมายนั้นจะมีเจตนารมณ์ที่ดีก็ตาม
admin
เผยแพร่: 
0
เมื่อ: 
2007-04-30