ฮาร์วาร์ด เชื่อมความร่วมมือระหว่างคณะ
ศ.ดร เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
kriengsak@kriengsak.com, http:// www.kriengsak.com
มหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก ต่างมีการขยายและเจริญเติบโตในด้านต่าง ๆ อย่างมาก ตัวอย่างหนึ่ง คือ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งมหาวิทยาลัยนี้ที่ถูกจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลกติดต่อกัน 4 ปี ซ้อน โดยการจัดอันดับของนิตยสารไทม์
ฮาร์วาร์ดเป็นมหาวิทยาลัยที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีบุคลากรกว่า 12,000 คน มี 9 คณะ แบ่งเป็น 11 โรงเรียน และ มี10 สำนักงาน โดยแต่ละสำนักงานแยกเป็นส่วนงานย่อยอีกเป็นจำนวนมาก โดยลงลึกเจาะจงในศาสตร์สาขาต่าง ๆ มากขึ้น แต่ละคณะและโรงเรียนส่วนใหญ่ มีการดำเนินงานแบบแทบจะเบ็ดเสร็จในตัวเอง มีการพัฒนาองค์ความรู้และการวิจัยที่ลงลึกเจาะจงในแต่ละศาสตร์และสาขา จนแทบจะทำให้การดำเนินงานของแต่ละคณะและโรงเรียนแยกส่วนออกจากกัน
สิ่งเหล่านี้ เรียกร้องให้ฮาร์วาร์ดเร่งหามาตรการและวิธีการตอบสนองต่อสถานการณ์ดังกล่าว แนวทางหนึ่งที่ฮาร์วาร์ดมีแนวคิดและเริ่มดำเนินการเป็นรูปธรรม คือ การสร้างความร่วมมือกันระหว่างคณะและส่วนงานต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการบริหารจัดการ และการใช้ทรัพยากร และเพื่อรองรับการขยายตัวของปัญหาที่นับวันจะซับซ้อนมากขึ้น เนื่องด้วยเข้าไปเกี่ยวข้องกับหลากหลายศาสตร์สาขาวิชา ในขณะที่ปัญหาและความต้องการบางอย่างต้องการทางออกที่เฉพาะเจาะจง โดยฮาร์วาร์ดได้ กำหนดมาตรการและแนวทางสร้างความร่วมมือระหว่างคณะและส่วนงานต่าง ๆ ไว้อย่างเป็นระบบ อาทิ
การจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างคณะ ฮาร์วาร์ดได้ดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการดำเนินงานร่วมกันระหว่างคณะ หรือที่เรียกว่า คณะกรรมการวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (The Harvard University Science and Engineering Committee; HUSEC) ซึ่งประกอบไปด้วยผู้อำนวยการและผู้นำคณะจากทุกภาคส่วนในมหาวิทยาลัย ได้แก่ โรงเรียนแพทย์ศาสตร์ โรงเรียนวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์เชิงประยุกต์ คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์แห่งฮาร์วาร์ด โรงเรียนสาธารณสุขศาสตร์ และส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนการแสวงหาแนวทางพัฒนางานวิจัยและจัดการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ร่วมกัน ซึ่งผลจากการประชุมของคณะกรรมการฯ ดังกล่าว ก่อให้เกิดแผนงานและการจัดตั้งคณะทำงานระหว่างคณะร่วมกันในเวลาต่อมาอีกหลายคณะ
การจัดตั้งงบประมาณดำเนินงานความร่วมมือระหว่างคณะ เป็นความร่วมมือที่จัดทำผ่านสำนักงานที่เรียกว่า The Provostrsquo;s Office ซึ่งเป็นหน่วยงานโดยเฉพาะที่ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือด้านความร่วมมือกันระหว่างคณะต่าง ๆ ในฮาร์วาร์ด ภายใต้การบริหารงานกองทุนที่เรียกว่า The Provostrsquo;s Fund for Interfaculty Collaboration (PEIC) ซึ่งเป็นกองทุนสนับสนุนเงินทุนให้กลุ่มคนที่ทำงานข้ามคณะ
ทั้งนี้ ต้องเป็นโครงการความร่วมมือที่ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะหรือหน่วยงานที่เป็นต้นสังกัด เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง 2 คณะขึ้นไป โดยสามารถทำงานร่วมกับหน่วยงานภายนอกได้ โดยผู้ที่ต้องการสามารถยื่นใบสมัครได้ตลอดทั้งปี พร้อมทั้งจดหมายรับรองจากผู้บริหารคณะ สำหรับเงินทุนที่ได้รับจะเป็นเงินทุนในรายปีประมาณ 25,000 เหรียญ เงินทุนนี้จะไม่ครอบคลุมถึงเงินเดือนและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ โดยเป็นการสนับสนุนเงินงบประมาณเริ่มต้น มากกว่าการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องทั้งโครงการ แต่มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับเงินทุนสนับสนุนดังกล่าวต่อเนื่อง หากมีการแสดงความคืบหน้าและประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการความร่วมมือดังกล่าว
การกำหนดประเด็นศึกษาและวิจัย รวมถึงการบูรณาการองค์ความรู้ร่วมกัน ซึ่งทำให้แนวทางการเรียนการสอนและการทำวิจัยในมหาวิทยาลัย สามารถตอบสนองต่อประเด็นปัญหาที่มีความซับซ้อนและเฉพาะเจาะจงมากขึ้นได้ โดยฮาร์วาร์ดสนใจและให้ความสำคัญที่จะสร้างความร่วมมือในการศึกษาและวิจัยระหว่างคณะ ในประเด็นเกี่ยวกับอิสลามศึกษาในกลุ่มประเทศแถบตะวันตก การเจรจาต่อรอง ความเท่าเทียมทางเพศ วิทยาศาสตร์สังคมเชิงปริมาณ ศาสนา การสาธารณสุขเชิงบุคล เศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม และชีวศาสตร์เชิงคณิตศาสตร์ ฯลฯ โดยมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้ให้การสนับสนุนทางด้านเงินทุน
ตัวอย่าง แนวทางบริหารงาน ด้วยการสร้างความร่วมมือระหว่างคณะตามแบบฉบับของฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่เคยหยุดนิ่ง มีการสร้างสรรค์นวัตกรรมการบริหารงานอย่างต่อเนื่องนี้ เป็นตัวแบบหนึ่ง ที่น่าสนใจ ซึ่งมหาวิทยาลัยไทยควรพิจารณา และอาจนำไปประยุกต์ใช้ ให้เข้ากับบริบทของสังคมไทย
มหาวิทยาลัยไทยจำนวนมาก เป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ที่มีหลากหลายคณะ (Comprehensive University) โดยส่วนใหญ่แล้วแต่ละคณะ มีอำนาจบริหารจัดการที่ค่อนข้างเป็นอิสระจากกัน ส่งผลให้ความร่วมมือระหว่างคณะไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ทั้งที่บางประเด็นจำเป็นต้องเป็นการร่วมมือระหว่างคณะ เพื่อการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น และเพื่อการสร้างและพัฒนานวัตกรรมใหม่
ดังนั้นการพัฒนาความร่วมมือระหว่างคณะ จึงเป็นแนวโน้มการบริหารมหาวิทยาลัยที่ไม่ควรมองข้าม โดยอาจเริ่มจากการประเมินความจำเป็นและศักยภาพในการสร้างความร่วมมือข้ามคณะ การกำหนดประเด็นที่จำเป็นต้องบูรณาการข้ามศาสตร์ โดยอาจเริ่มจากความร่วมมือในศาสตร์สาขาที่เป็นจุดแกร่งของมหาวิทยาลัย หรือประเด็นที่เป็นความต้องการของสังคมหรือภาคอุตสาหกรรมไทย อีกทั้งควรกำหนดแนวทางจูงใจและกระตุ้นให้เกิดการร่วมมือระหว่างคณะ ทั้งที่เป็นการริเริ่มจาก ldquo;บนลงล่างrdquo; และจาก rdquo;ล่างขึ้นบนrdquo; โดยจุดสำคัญในการขับเคลื่อนคือ มีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนเป็นระบบ ซึ่งอาจเริ่มจากโครงการความร่วมมือที่มีส่วนหารายได้ที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ และเป็นตัวแบบขยายสู่โครงการความร่วมมืออื่น ๆ เป็นต้น