เร่งเครื่อง.. พัฒนาภาษาต่างประเทศ
ปัจจุบันนานาประเทศต่างตื่นตัวอย่างมากในการพัฒนาทักษะภาษาต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เกาหลี ญี่ปุ่น อารบิก เวียดนาม และอีกหลายภาษา เนื่องด้วยปัจจัยหลายประการไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อด้านการค้าการลงทุน การแสวงหาข้อมูลและความรู้ รวมถึงความต้องการเรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมของต่างประเทศ รวมไปถึงเพื่อความร่วมมือในการสร้างความมั่นคงระหว่างประเทศ ดังตัวอย่างของประเทศสหรัฐอเมริกาและเกาหลี
สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันได้หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะภาษาต่างประเทศอย่างมาก เนื่องจากนโยบายแสดงหาพันธมิตรจากต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ด้านการค้าการลงทุนและความมั่นคงระหว่างประเทศ อีกทั้ง ได้รับคำแนะนำจากคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ (Committee for Economic Development: CED) องค์กรอิสระที่มีบทบาทสำคัญต่อผู้นำธุรกิจและผู้นำด้านการศึกษา ซึ่งออกรายงานประจำปี 2549 เรื่องEducation for Global Leadership: The Importance of International Studies and Foreign Language Education for U.S. Economic and National Security โดยเสนอว่า สหรัฐฯ ควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มความรู้ด้านภาษาและวัฒนธรรมของต่างประเทศ
ดังนั้น จึงทำให้ขณะนี้ มลรัฐต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ มีนโยบายส่งเสริมการเรียนภาษาต่างประเทศ อาทิ รัฐมินนิโซตา (Minnesota) คณะกรรมการการศึกษามลรัฐมินนิโซตา ร่วมมือกับสภามหาวิทยาลัยมินนิโซตา (Board of Regents of the University of Minnesota) พัฒนาหลักสูตรการออกเสียงภาษาจีน (articulated K-12 Chinese curriculum) ให้ผู้เรียนเกรด 12 รวมถึงสร้างเครือข่ายครูสอนภาษาจีนและนักการศึกษา สนับสนุนอุปกรณ์ การประเมินผลการสอน และฝึกอบรมการสอนภาษาจีนแก่ครูผู้สอน รัฐแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts) คณะกรรมการการศึกษาของมลรัฐแมสซาชูเซตส์ประกาศใช้ Pioneer Valley Chinese Immersion Charter School มีผลบังคับให้ทุกโรงเรียนต้องสอนภาษาจีน โดยเฉพาะภาษาจีนแมนดารินให้กับผู้เรียนเกรด 8 รัฐยูทาห์ (Utah) มีโปรแกรมนำร่องชื่อว่า ldquo;โปรแกรมวิเคราะห์องค์ประกอบของภาษาrdquo;(Critical Language Program) เช่น ภาษาจีน อารบิก รัสเซีย ฟาร์ซีหรือเปอร์เซีย ฮินดี และเกาหลี เปิดสอนในห้องเรียนและอินเทอร์เน็ต และมีคู่มือสำหรับครูผู้สอน รัฐเคนทักกี (Kentucky) บังคับให้มีบูรณาการภาษาต่างประเทศอย่างน้อย 1 ภาษา เข้ากับหลักสูตรพื้นฐานของโรงเรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะภาษาต่างประเทศและเข้าใจในวัฒนธรรมเจ้าของภาษา ยังมีอีกหลายมลรัฐที่ไม่ได้กล่าวถึง แต่มลรัฐต่างมีนโยบายที่ช่วยเพิ่มทักษะภาษาต่างประเทศให้ผู้เรียน
เกาหลีใต้ มีความตื่นตัวในการพัฒนาภาษาต่างประเทศไม่แพ้สหรัฐฯ โดยแรงผลักดันสำคัญมาจากการค้าและการลงทุน โรงเรียนมัธยมในเกาหลีใต้ สอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาพื้นฐาน แต่นักเรียนสามารถเลือกภาษาต่างประเทศภาษาที่สอง เช่น จีน ญี่ปุ่น อารบิก ฝรั่งเศส เยอรมัน และสเปน เป็นต้น การตื่นตัวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในโรงเรียนเท่านั้น ยังรวมถึงภาคธุรกิจด้วย โดยพบว่า ตำแหน่งงานในเกาหลีต้องการพนักงานที่มีทักษะภาษาต่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 150 จาก 68,400 ตำแหน่งในปี 2004 เป็น 102,600 ตำแหน่งตอนปลายปี 2006 มีหลายบริษัทให้พนักงานแบ่งเวลาเรียนภาษาต่างประเทศ บ้างก็ลงทุนจ้างครูมาสอนพนักงานถึงที่ทำงาน ภาษาต่างประเทศที่ต้องการมากคือ จีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเวียดนาม เนื่องจากมีการขยายฐานการค้าไปยังประเทศเหล่านี้ นอกจากนี้ ภาษาอารบิก ได้รับความสนใจจากนักเรียนเกาหลีอย่างมากเช่นเดียวกัน เห็นได้จากการสอบเอนทรานซ์ มีนักเรียนสอบภาษาอารบิกเพิ่มขึ้นจาก 599 คน ในปี 2005 เป็น 2,399 คน เมื่อปลายปี 2006 อธิการบดีมหาวิทยาลัย Hankuk University of Foreign Studies นายปัก ซอล (Park Cheol) แสดงความคิดเห็นว่า ภาษาอารบิกสำคัญมากกับการขยายธุรกิจไปในประเทศแถบตะวันออกกลาง
การเรียนภาษาต่างประเทศในไทยนั้น ถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ ข้อมูลจากสำนักทดสอบทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พบว่า ร้อยละค่าเฉลี่ยคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษของผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มัธยมศึกษาปีที่ 3 และมัธยมศึกษาปีที่ 6 ช่วงปีการศึกษา 2545-2547 ไม่ถึงร้อยละ 50 และมีแนวโน้มลดลง อีกทั้ง ยังประสบปัญหาขาดแคลนครูที่เชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศ และมีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นที่สามารถเข้าเรียนภาษาต่างประเทศในสถาบันสอนภาษาที่มีคุณภาพ
ประเทศไทยจะประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาต่างประเทศได้ จำเป็นต้องพัฒนาที่กลไกขับเคลื่อนหลัก ได้แก่ 1) เพิ่มครูเก่งภาษาต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ควรเปิดโอกาสให้โรงเรียนต่าง ๆ หมุนเวียนครูที่เชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศ โดยครู 1 คน สามารถสอนผู้เรียนได้หลายโรงเรียน แต่สอนระดับชั้นเดียว หรือช่วงชั้นเดียว เพื่อให้ครูลงลึกกับผู้เรียนแต่ละระดับชั้นและแต่ละช่วงชั้น และควรจูงใจคนเก่งเข้ามาเป็นครูสอนภาษาต่างประเทศ โดยการปรับบันไดเงินเดือนตามสาขาวิชาที่ขาดแคลน เพิ่มเงินเดือนสำหรับครูสาขาวิชาภาษาต่างประเทศ ซึ่งกำลังอยู่ในภาวะขาดแคลน 2) ปรับปรุงสื่อการสอนภาษาต่างประเทศ มีสื่อการสอนอ่าน ฟัง พูด และเขียนภาษาอังกฤษที่มีคุณภาพ สอดแทรกคำศัพท์หรือประโยคสั้น ๆ ไว้ด้านหลังหนังสือเรียนที่เป็นภาษาไทย ปรับเนื้อหาในหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศให้สอดคล้องกับเนื้อหาวิชาอื่น รวมถึง การพัฒนาให้ผู้เรียนได้ใช้ภาษาต่างประเทศในบริบทต่าง ๆ ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งที่ผู้เรียนทุกคนได้มีโอกาสเรียนฝึกทักษะภาษาต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
Tags:
เผยแพร่:
สยามรัฐรายวัน (ศึกษาทัศน์)
เมื่อ:
2008-02-01