นายกแก้จนแบบผักชีโรยหน้า
เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
การลงพื้นที่อีสาน 7-9 ส.ค. ของรักษาการนายกรัฐมนตรี ตอกย้ำความกลวงของการแก้จน สร้างภาพโดยเลือกลงพื้นที่จนน้อย เพราะวัตถุประสงค์เพื่อหาเสียงมิใช่ติดตามผลนโยบายจริง ชี้นายกฯ อ้างคนจนลดลง แต่ตัวเลขสหประชาชาติฟ้องว่าไทยไม่ได้ดีขึ้น
ลูบหน้าปะจมูก หากดูกำหนดการเดินทางเป็นเพียงการติดตามงานแบบลวก ๆ เพราะรักษาการนายกฯ ต้องไปพบปะประชาชนถึง 20 แห่ง มีเวลารับฟังประชาชนหรือตรวจเยี่ยมโครงการจริง ๆ เพียงแห่งละ 15-30 นาทีเท่านั้น การทำงานเช่นนี้คงจะได้ประโยชน์ทางการเมือง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์อะไร นายกฯ กลับไปชีวิตก็เหมือนเดิม และรักษาการนายกฯ คงจะไม่ได้รับทราบความเป็นจริงอะไรในพื้นที่ นอกจากผักชี
สร้างภาพ เหตุใดรักษาการนายกฯ เลือกไปจังหวัดขอนแก่น มหาสารคามและร้อยเอ็ด ซึ่งเป็น 3 ใน 4 จังหวัดที่มีคนจนน้อยที่สุดในภาคอีสาน หรือร้อยละ 8.21-9.51 ของประชากรในจังหวัด แต่ไม่ไปดูจังหวัดที่มีคนจนมากที่สุดในอีสาน เช่น สุรินทร์ นครพนม และสกลนคร ที่มีคนจนถึงร้อยละ 31.06 - 33.97 หรือกลัวว่าภาพหรือข้อมูลที่เผยแพร่ออกทางสื่อจะฟ้องว่า รัฐบาลล้มเหลวในการแก้ความยากจน
ปั้นตัวเลข การที่รักษาการนายกฯ บอกว่าคนยากจนน้อยลงโดยวัดที่ตัวเงินเพียงอย่างเดียว สะท้อนว่ารัฐบาลมองความจนแบบคับแคบ ขณะที่ดัชนีวัดความยากจนของมนุษย์ หรือ Human Poverty Index (HPI) ที่จัดทำโดย UNDP องค์กรหนึ่งในสหประชาชาติ วัดครอบคลุมหลายด้าน เช่น การรู้หนังสือ การเข้าถึงทรัพยากรน้ำ สุขภาพ รายได้ เป็นต้น พบว่า HPI ของไทยแทบไม่ได้ดีขึ้นเลย โดยในปี 2546 ndash; 2548 มีค่าอยู่ที่ร้อยละ 12.9, 13.1 และ 12.8 ของประชากร (ค่ายิ่งต่ำยิ่งดี) ตามลำดับ
ผมคิดว่า หากรักษาการนายกฯ ต้องการจะหาเสียงก็ขอใช้เงินของพรรค อย่าทำให้ดูสับสนว่า กำลังใช้เวลาราชการและงบประมาณของแผ่นดินมาหาเสียงหรือไม่