เมกะโปรเจ็กต์ : เหตุปัจจัยเสี่ยงขาดดุลบัญชีฯ ปี 49

ในปี 2549 ยังเป็นปีที่มีความเสี่ยงและไม่ชัดเจนสูง ต้องเผชิญกับปัจจัยบวกและลบหลายประการพร้อมกัน โดยเฉพาะการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่หลายฝ่ายต่างวิตกว่าจะเป็นปัญหาที่อาจแก้ไขยาก และหากเกิดการขาดดุลติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้ในปี 2549 ยังเป็นปีที่มีความเสี่ยงและไม่ชัดเจนสูง ต้องเผชิญกับปัจจัยบวกและลบหลายประการพร้อมกัน โดยเฉพาะการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่หลายฝ่ายต่างวิตกว่าจะเป็นปัญหาที่อาจแก้ไขยาก และหากเกิดการขาดดุลติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้เศรษฐกิจของประเทศขาดเสถียรภาพ

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจมหาวิทยาลัยหอการค้า ประมาณว่าปี 2549 ไทยจะยังขาดดุลการค้าสูงเป็นประวัติการณ์ โดยคาดว่าจะขาดดุลการเพิ่มขึ้นจากปี 2548 ประมาณ 11,720 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.1 ของ GDP ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัด ปี 2549 ไทยจะขาดดุลอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.7 ของ GDP ซึ่งเป็นระดับที่ไม่น่าไว้วางใจ

การคาดการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับ TDRI ซึ่งคาดว่าปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจปี 2549 โดยประมาณเศรษฐกิจไทยแม้จะขยายตัวได้ร้อยละ 5.2 แต่จะขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 198,524 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.6 ของ GDP เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 163,301 ล้านบาท และจะขาดดุลการค้า 387,781 ล้านบาท

แม้ว่าการลงทุนของภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ หรือ Mega project จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 4 ปีข้างหน้า (2549-2552) แต่โครงการขนาดใหญ่ดังกล่าวจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงขึ้นและต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 4-5 ปี

เนื่องจากโครงการ Mega project ของรัฐบาลจะต้องนำเข้าสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศเป็นสัดส่วนที่สูง ซึ่งจะก่อปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดติดต่อกันเป็นเวลานานจะส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ หากยังไม่มีการจัดการที่ดี อาจนำไปสู่เกิดวิกฤติรอบใหม่ได้

ดังนั้นต้องรัฐบาลต้องระวังกรอบการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดไม่เกินร้อยละ 3 ของจีดีพี และควรดำเนินนโยบายที่เป็นประโยชน์ให้ดำเนินต่อไป เช่น นโยบายประหยัดพลังงาน นโยบายกระตุ้นการออมในประเทศ กระตุ้นการส่งออก และส่งเสริมการท่องเที่ยวและภาคบริการ ให้กลับมาฟื้นตัว เป็นต้น ประการสำคัญคือ จัดลำดับความสำคัญของการลงทุนในโครงการต่าง ๆ และลงทุนในระดับที่เหมาะสม

admin
เผยแพร่: 
0
เมื่อ: 
2006-01-06