ดัชนีหุ้นขึ้น: สัญญาณการลงทุนกำลังจะมา
ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
kriengsak@kriengsak.com, http:// www.kriengsak.com
ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากวันที่ 9 มีนาคมซึ่งดัชนีอยู่ที่ 411.27 จุด จนถึงปิดตลาดไปในวันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็น 535.18 จุด นั่นหมายความว่าในกว่าช่วง 2 เดือนมานี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น เกือบ 30%
การที่ดัชนีเพิ่มขึ้นมาจากแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติที่กำลังกลับมาซื้อในตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ดัชนีหุ้นไทยร่วงตามแรงเทขายของต่างชาติมาตลอด แต่จากสถิติเดือนเมษายนปีนี้นั้น ต่างชาติเป็นฝ่ายกลับเข้ามาซื้อสุทธิเป็นมูลค่าประมาณ 3,800 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ส่วนมากชี้สาเหตุของการที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาช้อนซื้อในตลาดหุ้นไทยไปที่ภาวะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสแรกออกมาทางบวก
ส่วนตัวผมวิเคราะห์เพิ่มถึงปัจจัยภายในของตลาดหุ้นไทยด้วย เพราะช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีผลอัตราตอบแทน (Market Dividend yield) สูง เช่นเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 7.25%เทียบกับผลตอบแทนเฉลี่ยตลอดปีของปี 2550, 2549 และ 2548 ซึ่งอยู่ที่ 3.8, 4.0 และ 3.7 % ตามลำดับ ทำให้เมื่อไปเทียบกับราคาหุ้นที่ต่ำแล้ว (ดูจาก Price-earning ratio: P/E) เหมือนซื้อของได้ถูกแต่ให้กำไรดี
แม้ว่าดัชนีหุ้นจะมิได้ชี้แนวโน้มการลงทุนโดยตรง แต่มีส่วนสำคัญในการชี้การคาดการณ์ของตลาดว่าเศรษฐกิจกำลังจะดีขึ้น การคาดการณ์การเชิงบวกสะท้อนว่ากำลังจะมีการใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจกล้าที่จะลงทุนมากขึ้น
นอกจากนี้เมื่อไปดูอัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization) ชี้ว่าในอนาคตข้างหน้าการลงทุนจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตในหลายอุตสาหกรรม เช่น ปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ และอาหาร ได้ทะลุ 80% สะท้อนว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้จำเป็นจะต้องลงทุนเพิ่มในไม่ช้า และหลายบริษัท เช่น ปตท. และ ปตท.สผ. มีแผนระดมเงินทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตเรียบร้อยแล้วในวงเงินหลักหมื่นล้านบาท
เมื่อมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการสร้างงานและสุดท้ายสร้างรายได้ให้แก่แรงงาน ดังนั้นโดยสรุปผมจึงเชื่อว่าจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทยในระยะแรกน่าจะอยู่ในไตรมาสที่ 1 ซึ่งผ่านมาแล้ว และจากนี้ไปเศรษฐกิจไทยกำลังจะดีขึ้นแบบช้าๆ จนกว่าเศรษฐกิจโลกจนฟื้นตัวจริงๆ