"เพศศึกษา" เรื่องสำคัญที่พ่อแม่ต้องสอนลูก

จากข่าวที่อื้อฉาวไปทั่วโลกในกรณีที่เด็กชายชาวอังกฤษวัย 13 ได้กลายเป็นคุณพ่อคนขึ้นมา หลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกันกับแฟนสาววัย 15 ปี ถึงแม้จะมีข้อแย้งจากการพิสูจน์ดีเอนเอในภายหลังพบว่าเด็กน้อยที่ถือกำเนิดมานั้นไม่ใช่ลูกของเขาก็ตาม แต่เหตุการณ์นี้ได้สะท้อนภาพปัญหาเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
โครงการ Child Watch (โครงการติดตามสภาวการณ์เด็กและเยาวชน) โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และ สสส. สำรวจพฤติกรรมเด็กและเยาวชนปี 2551 พบปัญหาแม่วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 19 ปี ที่มาทำคลอดมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่ 2548-2551 โดยปี 2551 ประมาณการว่ามีถึง 77,092 คน จากปี 2550 ที่มี 68,385 คน ซึ่งนำไปสู่ปัญหาความไม่พร้อมในเลี้ยงดูบุตรตามมา

ในสังคมไทยปัจจุบันเราเห็นปัญหาที่เกี่ยวเนื่องมาจากปัญหาในเรื่องเพศ อาทิ การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ในวัยเรียน การก่ออาชญากรรมอันเนื่องมาจากความหึงหวง คดีข่มขืน การทำแท้ง การทอดทิ้งลูกที่เกิดมาไว้ในกองขยะข้างทาง ปัญหาโรคเอดส์หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ ฯลฯ ซึ่งนับวันยิ่งทวีความรุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคม

หัวอกของผู้เป็นพ่อแม่ย่อมห่วงลูกเป็นธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยรุ่นหรือวัยอันตรายหัวเลี้ยวหัวต่อนั้น จะทำอย่างไรให้ลูกสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาวิกฤติมาได้อย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม แม้จะห่วงแต่พ่อแม่จำนวนมากยังคงไม่ทราบว่าควรจะเริ่มต้นสอนลูกในเรื่องเพศนี้อย่างไร บ้างก็มีความคิดว่าเป็นเรื่องต้องห้าม น่าอาย ไม่ควรพูดถึงมากเพราะเกรงว่าจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอก โดยคิดว่าเดี๋ยวลูกโตขึ้นมาย่อมจะรู้ได้ด้วยตนเองไปตามวัยแต่งงานไปเดี๋ยวก็รู้เอง บ้างก็โยนไปให้ครูอาจารย์ที่โรงเรียนเป็นผู้สอนเรื่องนี้แทนตน

ในความเป็นจริง ลูกไม่สามารถเรียนรู้หรือทำความเข้าใจในเรื่องเพศที่ถูกต้องเองได้ หากพ่อแม่ไม่เป็นผู้สอนหรือให้ความรู้ความเข้าใจแก่ลูกในเรื่องนี้ สื่อต่าง ๆ ทั้งทีวี อินเทอร์เน็ต เพื่อนของลูก ฯลฯ ย่อมจะเป็นผู้สอนเขาแทนพ่อแม่ โดยยากที่จะห้ามไม่ให้เด็กรับสื่อเหล่านี้ได้ ซึ่งล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้เด็กมีความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเพศมากยิ่งขึ้น

ในส่วนของพ่อแม่ที่คิดว่าโรงเรียนสามารถเป็นที่พึ่งในการสอนเรื่องเพศศึกษาที่ถูกต้องให้กับลูกได้นั้น อาจต้องเปลี่ยนความคิด เนื่องจากในปัจจุบันการสอนเรื่องเพศหรือเพศศึกษาในโรงเรียนนั้นยังคงเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันในวงกว้างถึงหลักสูตรการเรียนการสอนว่าควรสอนถึงระดับไหน หากสอนละเอียดมากเกินไปแล้วจะเป็นดาบสองคมหรือไม่ ดังนั้น หลักสูตการเรียนการสอนในเรื่องเพศของโรงเรียนส่วนใหญ่ในปัจจุบันจึงคงเป็นในรูปแบบของแบบเรียนวิชาการมาตรฐานที่เหมารวมสอนไปให้นักเรียนทุกคนโดยไม่สามารถที่จะให้คำแนะนำเจาะลึกไปถึงปัญหาทากางเพศที่เกิดขึ้นกับเด็กแต่ละคนในแต่ละช่วงวัยที่อาจมีปัญหาที่แตกต่างกันไปได้อย่างดีที่สุด

เพศศึกษาเป็นเรื่องสำคัญที่เด็กทุกคนต้องได้รับการสอน การใส่ข้อมูลที่ถูกต้อง รวมทั้งการฝึกฝนวินัยหรือการควบคุมตนเองในเรื่องนี้ ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกของชีวิตเช่นเดียวกับการฝึกฝนลักษณะนิสัยที่ดีในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งมีพ่อแม่เป็นผู้ที่รับบทบาทนี้ไปอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

โดยหลักสำคัญในการสอนเพศศึกษาให้กับบุตรหลานที่พ่อแม่ควรยึดเป็นหลักไว้ได้แก่

  • ตั้งเป้าหมายระยะไกล พ่อแม่ควรตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนมากที่สุด คิดไปให้ไกลมากที่สุดว่าแท้จริงแล้วเราปรารถนาให้ลูกมีพฤติกรรมทางเพศเป็นอย่างไร เป้าหมายไม่ควรแค่ว่าลูกของเราจะไม่มีแฟนแบบออกนอกลู่นอกทางในวัยเรียน หรือเพียงแค่ให้ลูกของเราเรียนรู้ที่จะคุมกำเนิดด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างคล่องแคล่ว ไม่ต้องมาพลาดท้องก่อนแต่งตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์เท่านั้น แต่พ่อแม่ควรมองไปให้ไกลและตั้งเป้าหมายไปถึงที่ว่าลูกของเราจะเป็นผู้ที่มีความเข้าใจและมีพฤติกรรมทางเพศในทางที่ถูกต้องทั้งการรู้จักตนเอง การป้องกันตนเอง การควบคุมตัวเองในเรื่องเพศ ฯลฯ เพื่อปลายทางอันนำไปสู่การสร้างครอบครัวใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจ รวมทั้งการใช้ชีวิตกับคู่สมรสอย่างมีความสุข ตลอดจนสามารถเลี้ยงดูบุตรหลานรุ่นต่อไปในอนาคตให้มีความรู้ความเข้าใจและพฤติกรรมทางเพศที่ถูกต้องดีงามด้วยเช่นกัน

 

  • เริ่มสอนให้เร็วที่สุด ตั้งแต่สังเกตได้ว่าลูกของเราเริ่มรู้ความและมีความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเพศนี้ ไม่ว่าจะเป็น การชอบแอบดูหรืออยากเห็นเวลาพ่อหรือแม่อาบน้ำ การชอบเล่นอวัยวะเพศของตนเอง หรือการที่เด็กชายชอบไปแกล้งแอบเปิดกระโปรงของเด็กหญิง เป็นต้น


โดยหัวข้อสำคัญที่พ่อแม่ควรยึดเป็นหลักในการสอนลูกนั้นได้แก่

  • การรู้จักและรู้เท่าทันเพศของตนเองในช่วงวัยต่าง ๆ ไม่ควรให้เด็กรู้สึกว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องที่ลึกลับเพราะยิ่งจะเป็นการกระตุ้นลูกซึ่งอาจอยากรู้อยากเห็นไปในทางที่ผิดได้ ในช่วงเด็กปฐมวัยนั้นพ่อแม่ควรสอนให้เด็กรู้ว่าตนเองนั้นเป็นเพศหญิงหรือชาย วิธีการดูแลรักษาความสะอาดที่ถูกต้อง การไม่ไปเล่นกับอวัยวะเพศของตน ในช่วงก้าวสู่วัยรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ฮอร์โมน อารมณ์ โดยพ่ออาจเป็นผู้สอนลูกชายและแม่เป็นผู้คอยสอนลูกสาว

 

  • พ่อแม่ที่อบรมสั่งสอนและปลูกฝังความเข้าใจในเรื่องเพศให้แก่ลูกตั้งแต่วัยเยาว์ย่อมได้เปรียบในการต่อยอดการสอนต่อไปได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกเริ่มโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นตอนต้นและวัยรุ่นตอนปลายอันเป็นวัยอันตรายที่ลูกเริ่มมีความรู้สึกทางเพศอย่างรุนแรงต่อเพศตรงข้าม เด็กที่พ่อแม่มีการพูดคุยทำความเข้าใจมานานก่อนหน้านี้แล้วย่อมมีความได้เปรียบในการรับมือหรือจัดการกับอารมณ์หรือความต้องการทางเพศของตนได้ดีกว่า

 

  • การรู้จักและการปฏิบัติตนอย่างให้เกียรติต่อเพศตรงข้าม พ่อแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักเพศที่ตรงข้ามกับตนรวมทั้งแนวทางการปฏิบัติตัวต่อเพศตรงข้ามอย่างเหมาะสมและให้เกียรติ อาทิ สอนลูกชายไม่ให้ทำรุนแรงหรือเล่นแรง ๆ กับเด็กผู้หญิง ไม่ไปแกล้งเปิดกระโปรงเพื่อนนักเรียนหญิง ช่วยเหลือเพศหญิงซึ่งเป็นเพศที่มีสรีระร่างกายที่อ่อนแอกว่าตนในโอกาสต่าง ๆ เช่นช่วยยกของ และสอนต่อยอดในเรื่องต่อไปตามพัฒนาการของลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นที่เริ่มมีความต้องการทางเพศ อยากอยู่ใกล้ จับไม้จับมือหรือถูกเนื้อต้องตัวในเพศตรงข้าม พ่อแม่ควรสอนลูกชายในเรื่องของการไม่เป็นคนฉวยโอกาสและให้เกียรติกับเพศตรงข้าม ส่วนลูกสาวนั้นควรสอนให้รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองเช่นกันว่าหากปล่อยเนื้อปล่อยตัวยอมให้เพศชายมาจับมือถือแขนกอดรัดกันอย่างง่ายดายแล้วย่อมเสี่ยงต่อการพลาดท่าเสียทีในที่สุด

 

  • การป้องกันระมัดระวังภัยในเรื่องเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยภัยอันตรายทางเพศในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการล่อลวงเด็กหญิงหรือเด็กชายไปค้าประเวณีกับกุ่มคนที่มีรสนิยมชื่นชอบเด็ก การค้ามนุษย์ข้ามชาติ การล่วงละเมิดทางเพศจากบุคคลใกล้ชิด เช่น ญาติ พี่น้อง เพื่อนบ้าน ฯลฯ รวมทั้งการเปิดกว้างของสื่อกระตุ้นเร้าอารมณ์ทางเพศมากมายทีพบได้ทั่วไปและสามารถสรรหามาครอบครองได้โดยง่าย สภาพแวดล้อมอันตรายต่าง ๆ เหล่านี้ส่งผลให้พ่อแม่ต้องหันมาตระหนักในการหาทางช่วยเหลือป้องกันภัยด้วยการหุ้มเกราะและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกของตนอย่างจริงจังเร่งด่วน อันได้แก่ การสอนให้ลูกเล็ก ๆ ได้ตระหนักในการหวงเนื้อหวงตัวไม่ยอมให้ใครก็ตามมาแตะต้องหรือสัมผัสอวัยวะเพศของตน วิธีการร้องขอความช่วยเหลือในยามมีภัย สถานที่ใดบ้างที่ลูกไม่ควรไปเพราะมีภัยอันตรายทางเพศแฝงอยู่ การสอนในเรื่องการวางตัวต่อเพศตรงข้ามรวมทั้งการแต่งตัวอย่างเหมาะสมมิดชิดไม่โป๊เกินงามอันนำไปสู่การยั่วยวนเพศตรงข้าม การชี้ให้เห็นถึงภัยอันตรายจากการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ ผลเสียต่อนาคตระยะยาวหากไปเที่ยวหญิงโสเภณีหรือการไปขึ้นครู ผลข้างเคียงของการเมาสุราจนขาดสติซึ่งอาจนำไปสู่กับดักหลุมพรางทางเพศได้ ควบคุมดูแลการใช้อินเทอร์เน็ต เกม หรือการรับสื่อต่าง ๆ ของลูกที่อาจมีพิษภัยทางเพศแฝงอยู่ รวมทั้งทำความรู้จักเพื่อนของลูกหรือกลุ่มเพื่อนที่ลูกคบอยู่ด้วยว่าเป็นอย่างไร เป็นต้น

 

  • ฝึกวินัยควบคู่ไปกับการสอน การสอนลูกในเรื่องเพศนั้นจำเป็นต้องควบคู่ไปกับการฝึกฝนความมีระเบียบวินัยในชีวิตความสามารถในการบังคับตนเองรวมทั้งการฝึกฝนความเข้มแข็งในจิตใจควบคู่ไปด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไม่สามารถแยกจากกันได้ ผู้ที่มีวินัยในการใช้ชีวิตมีความสามารถในการบังคับตนที่ดีย่อมมีความเสี่ยงต่อปัญหาทางเพศน้อยกว่าผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างขาดวินัยและมีสภาพจิตใจที่อ่อนแอไม่สามารถควบคุมความต้องการของตนเองในเรื่องต่าง ๆ ได้ ไม่เพียงแต่เฉพาะในเรื่องความต้องการทางเพศเท่านั้น

 

  • การฝึกฝนความมีวินัยจำเป็นต้องเริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็กจึงได้ผลดีที่สุด โดยเป็นการฝึกฝนในเรื่องของความมีระเบียบวินัยในชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน รวมไปถึงการฝึกฝนความเข้มแข็งทางจิตใจความสามารถในการบังคับตนผ่านทางการอดทน รอคอย พากเพียรพยายาม การตั้งเป้าและทำให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ การฝึกฝนในเรื่องของการรู้จักปฏิเสธความต้องการ ณ เวลานั้นของตน เพื่อสิ่งที่ดีกว่าในอนาคตหรือการอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เป็นต้น โดยพ่อแม่เป็นผู้ฝึกฝนเตือนสติด้วยวิธีการอันชาญฉลาดทั้งการมีบทลงโทษที่สมเหตุสมผลและการให้รางวัลหากทำได้สำเร็จ

 

  • สร้างสรรค์วิธีการนำเสนอ การสอนเรื่องเพศศึกษาให้กับลูกนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ผนวกกับการใช้ความรักและความเข้าใจเป็นที่ตั้ง พ่อแม่จำเป็นต้องสร้างสรรค์เทคนิควิธีการต่าง ๆ ในการสอนลูกของตนโดยปรับเปลี่ยนไปตามวัยให้เหมาะสม รวมทั้งปรับให้เหมาะกับสไตล์หรือบุคลิกลักษณะของเด็กแต่ละคนซึ่งมีความแตกต่างกันไป อาทิ การสอนในเด็กเล็กด้วยการใช้ตัวอย่างเปรียบเทียบหรือคำอุปมาต่าง ๆ ที่สามารถเห็นภาพได้ชัดเจน โดยยึดหลักของการสื่อสารข้อเท็จจริงเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ว่าลูกถามว่าเกิดมาได้อย่างไรพ่อแม่ตอบว่ามาจากกระบอกไม้ไผ่ อันเป็นการใส่ข้อมูลที่ผิด ๆ ซึ่งจะเป็นปัญหาตามมาในอนาคตโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อยอดความเข้าใจที่มากขึ้นเมื่อเขาเป็นวัยรุ่น หรือการสร้างความสับสนอยากรู้อยากลองเมื่อเพื่อน ๆ ให้ข้อมูลมากอีกแบบ รวมทั้งอาจถูกล่อลวงในเรื่องเพศได้ง่ายเพราะไม่ได้ระมัดระวังในการป้องกันตนเอง


การสร้างสรรค์วิธีการสอนแบบต่าง ๆ นั้นต้องยึดหลักของเป้าหมายแท้จริงระยะยาวที่เราต้องการเป็นที่ตั้ง มิเช่นนั้นแล้วเราจะให้น้ำหนักในการสอนลูกผิดไปและอาจนำไปสู่การชี้โพรงให้กระรอกตามมาได้ อาทิ สอนเน้นย้ำอยู่แค่เรื่องวิธีการคุมกำเนิด การใส่ถุงยางอนามัยที่ถูกวิธี โดยคิดว่าเป็นเรื่องของ ldquo;สิทธิส่วนบุคคลrdquo; ในการตัดสินใจเรื่องเพศ แต่ไม่ได้สอนให้ลูกตระหนักว่าสิทธิที่เขามีนั้นต้องควบคู่ไปกับ ldquo;หน้าที่rdquo; ในการเป็นลูกที่ดี นักเรียนที่ดี ประชาชนที่ดีของประเทศชาติ รวมทั้งการรับผิดชอบและรับผลในสิ่งที่เขาตัดสินใจทำลงไป

นอกจากนี้พ่อแม่ควรสรรหาและสนับสนุนให้ลูกของตนได้ใช้เวลาว่างที่มีอยู่อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดในการทำกิจกรรมต่าง ๆ การเล่นดนตรี กีฬา การทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ฯลฯ ไม่ปล่อยเวลาว่างใจลอยคิดแต่เรื่องของตัวเองหรือหมกมุ่นไปกับเรื่องเพศ เรื่องแฟน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยรุ่นซึ่งมีฮอร์โมนเพศสูงมีอารมณ์ทางเพศที่รุนแรง
การสอนเพศศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่จำเป็นต้องสอนลูก ซึ่งมากไปกว่าการให้ข้อมูลความรู้ในเรื่องเพศ การป้องกันภัยทางเพศ หรือการคุมกำเนิดอย่างถูกวิธีไม่ให้พลาดตั้งครรภ์เท่านั้น แต่เป็นการสอนและปลูกฝังระเบียบวินัยการสร้างลักษณะชีวิตที่ถูก ต้องรวมไปถึงการสร้างสภาพจิตใจที่เข้มแข็งในการบังคับตนเองในสามารถเอาชนะความอยากหรือความต้องการของตน การอดเปรี้ยวไว้กินหวานเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดเมื่อเขาเติบโตขึ้นมาในอนาคต

admin
Catagories: 
เผยแพร่: 
นิตยสารแม่และเด็ก
เมื่อ: 
2009-05-04