ห้องสมุดเสมือนจริงเต็มรูปแบบในสหราชอาณาจักร
ปัจจุบันการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ (E-learning) เต็มรูปแบบ เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อการเรียนรู้มากขึ้น นักเรียนนักศึกษา รวมถึงบุคคลทั่วไปจำนวนมากเข้าสู่การเรียนรู้ในโลกเสมือนจริง (Virtual Learning) โดยสามารถศึกษาเล่าเรียนและค้นหนังสือในห้องสมุดผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะพักอาศัยอยู่ที่ใด เนื่องจากหนังสือ วารสาร เอกสาร สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ได้เข้าสู่รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบออนไลน์เกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งให้มีการนำหนังสือ วารสาร เอกสาร สิ่งพิมพ์ ฯลฯ ออกจากห้องสมุด เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นจริงในสหราชอาณาจักร
E-learning เต็มรูปแบบในประเทศอังกฤษ
E-learning เต็มรูปแบบในประเทศอังกฤษ
มหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหราชอาณาจักรได้นำหนังสือ วารสาร และสิ่งพิมพ์เข้าสู่รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และนำของจริงออกจากห้องสมุด ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วมีมากกว่า 1.8 ล้านเล่ม/รายการ
จากข้อมูลสถิติที่สำรวจโดยนิตยสารไทม์ไฮเออร์ (The Times Higher) พบว่า ระหว่างปี 2005-2006 มีวิทยาลัย หอสมุดแห่งชาติ และห้องสมุดในมหาวิทยาลัยกว่า 36 แห่ง ได้นำหนังสือ วารสาร และสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ออกไปจากห้องสมุด และนำรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์มาแทนที่ อาทิ มหาวิทยาลัยดันดี (Dundee University) นำหนังสือ วารสาร และสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ออกจากห้องสมุดจำนวน 100,035 เล่ม/รายการ และต้นฉบับ (hard-copy texts) กว่า 18,067 เล่ม/รายการ มหาวิทยาลัยบันกอร์ (Bangor University) นำออกจำนวน 55,500 เล่ม/รายการ มหาวิทยาลัยอัลสเตอร์ (Ulster University) นำออกจำนวน 50,493 เล่ม/รายการ และอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน (Imperial College London) นำออกจำนวน 48,911 เล่ม/รายการ ซึ่งเดบอราห์ ชอร์เลย์ (Deborah Shorley) ผู้อำนวยการห้องสมุดอิมพีเรียลคอลเลจ (Director of library services at Imperial College) กล่าวว่า ในจำนวนนี้มีหนังสือที่มีการพิมพ์ซ้ำ หนังสือที่ไม่ค่อยมีใครอ่าน และหนังสือที่มีสภาพเก่าออกจากห้องสมุดด้วย
หากคิดโดยเฉลี่ย เฉพาะปี 2006 มหาวิทยาลัย 1 แห่ง นำหนังสือ วารสาร และสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ออกจากห้องสมุดถึง 13,600 เล่ม/รายการ เทียบกับปี 1997 มีเพียง 7,000 เล่ม/รายการ
ข้อมูลดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า การใช้บริการหนังสือ วารสาร และสิ่งพิมพ์ในมหาวิทยาลัยผ่านระบบออนไลน์มีเพิ่มขึ้น หลายมหาวิทยาลัยเริ่มเข้าสู่บรรยากาศการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์เต็มรูปแบบ อย่างมหาวิทยาลัยแอสตัน (Aston University) ได้นำหนังสือออกจากห้องสมุดจำนวน 41,380 เล่ม/รายการ นิค สมิท (Nick Smith) ผู้อำนวยการห้องสมุดและศูนย์ข้อมูลมหาวิทยาลัยแอสตัน (Director of Aston University's library and information services) กล่าวว่า ได้เพิ่มจำนวนเครื่องพีซี และแลบท๊อปเข้ามาในห้องสมุด เพื่อให้ห้องสมุดมีบรรยากาศการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ มหาวิทยาลัยดันดีได้ปิดห้องสมุดในวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยช่วงเดือนมีนาคม 2005 ถึงเดือนตุลาคม 2006 และหันมาให้บริหารผ่านระบบออนไลน์ เป็นเหตุให้มีการนำหนังสือกว่า 59,000 เล่ม/รายการ ออกจากห้องสมุด
โทบี้ เบนตัน (Toby Bainton) เลขานุการสมาคมห้องสมุดวิทยาลัย หอสมุดแห่งชาติ และห้องสมุดมหาวิทยาลัย (Society of Callage, National and University Libraries: SCONUL) ในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ กล่าวว่า นับตั้งแต่ปลายปี 2006 จำนวน e-books ในห้องสมุด โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 60 ซึ่งไม่เพียงนักศึกษาเท่านั้นที่เข้าไปใช้บริการ แต่ยังมีนักวิจัยจำนวนมากใช้ประโยชน์จากข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มากกว่าจากของจริง
E-learning ทดแทนหนังสือจริงได้ทั้งหมดหรือไม่
อีกด้านหนึ่ง มีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการนำหนังสือออกจากห้องสมุด อย่างเช่น มหาวิทยาลัยเอกซีเทอร์ (Exeter University) ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2550 สถาบันต่าง ๆ ที่อยู่ภายในมหาวิทยาลัยต่างออกมาโต้แย้งที่มหาวิทยาลัยได้นำหนังสือกว่า 12,000 เล่ม ออกจากห้องสมุด ปีเตอร์ โบแมน (Peter Baumann) อาจารย์ชำนาญการ (senior lecturer) สาขาปรัชญา มหาวิทยาลัยอเบอร์ดีน (Aberdeen University) แสดงความเห็นว่า มหาวิทยาลัยไม่ควรนำหนังสือ วารสาร และสิ่งพิมพ์ออกไปจากห้องสมุด เพียงเพื่อต้องการขยายพื้นที่และโอกาสในการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ แซลลี่ ฮันท์ (Sally Hunt) เลขาธิการสหภาพมหาวิทยาลัยและวิทยาลัย (University and College Union: UCU) สหราชอาณาจักรกล่าวว่า แท้จริงแล้วสิ่งที่ผู้ใช้บริการห้องสมุดต้องการคือ คนจริงและหนังสือจริง แม้ว่า e-learning จะมีความสำคัญมาก แต่การอ้าแขนรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวดเร็วเกินไปนั้น อาจไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใช้บริการต้องการเสมอไป
e-learning มีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์ โน้ตบุคหรือแลบท๊อปเท่านั้น ซึ่งทำให้ต้นทุนในการเข้าถึงข้อมูลความรู้ลดลง ทั้งยัง ทำให้ห้องสมุดสามารถจัดเก็บหนังสือได้มากขึ้น ช่วยขยายโอกาสทางการศึกษาผ่านระบบออนไลน์ และกระจายความรู้ใหม่ ๆ ไปสู่คนในพื้นที่ห่างไกล แต่การนำ e-learning มาใช้ ควรคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้
ความพร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในประเทศ ประเทศในแถบอเมริกาและยุโรป มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากกว่าร้อยละ 60 เช่น ไอซ์แลนด์ ประชาชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตร้อยละ 86.3 สวีเดน ร้อยละ 75.6 นิวซีแลนด์ ร้อยละ 74.9 สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 69.7 อังกฤษร้อยละ 62.3 ขณะที่ประเทศในแถบเอเชีย มีฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ร้อยละ 60 ขึ้นไป (Internet World States, June 30, 2007) ดังนั้น ประเทศเหล่านี้สามารถเปลี่ยนหนังสือ วารสารเอกสาร สิ่งพิมพ์ในห้องสมุดเป็น e-book ได้ทั้งหมด เนื่องจากมีความคุ้มทุน
อย่างไรก็ตาม ทุก ๆ ประเทศยังคงมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ โน้ตบุค และแลบท๊อปใช้ หรือประชาชนในประเทศส่วนใหญ่ไม่สามารถเขาถึงอินเทอร์เน็ต อย่างประเทศไทย ประชาชนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เพียงร้อยละ 12.5 โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งทำให้โอกาสการเข้าถึง e-book ลดน้อยลงไปด้วย หนังสือที่เป็นต้นฉบับจริงจึงยังคงมีความสำคัญ
การอ่าน e-book ไม่ได้สะดวกอย่างที่คิด การอ่านหนังสือผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ยังไม่สะดวกมากนัก เนื่องจากไม่สามารถพลิกไปมาได้อย่างสะดวกเหมือนกับหนังสือ อีกทั้ง หากใช้คอมพิวเตอร์นาน ๆ มักจะทำให้เกิดความเมื่อยล้าทางสายตาและร่างกาย ท้ายที่สุดผู้ใช้งานต้องพิมพ์ลงบนหน้ากระดาษเก็บไว้อ่านเหมือนเดิม ซึ่งต้นทุนอาจจะสูงกว่าการซื้อหนังสือได้ หรือในกรณีที่โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเกิดความขัดข้อง คงไม่สามารถใช้งาน e-book ได้
นอกจากนี้ เมื่อ e-book เข้ามาแทนที่หนังสือจริงทั้งหมด การผลิตหนังสือจะน้อยลงทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือต่อเล่มสูงขึ้น จนส่งผลกระทบต่อธุรกิจการผลิตหนังสือต้องปิดตัวลงไป หรือเปลี่ยนไปเป็นการผลิต e-book แทน
อย่างไรก็ตาม คงต้องยอมรับว่าในอนาคตการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการของผู้คนที่ต้องการค้นหาข้อมูลความรู้ต่าง ๆ ได้ในทุกที่ทุกเวลา มีการนำ e-book ไปใช้ประโยชน์ ทดแทนหนังสือ วารสาร เอกสาร สิ่งพิมพ์ที่เป็นของจริง อย่างไรก็ตาม e-book คงไม่สามารถเข้าไปทดแทนของจริงได้ทั้งหมด ในกรณีประเทศที่ผู้คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้น้อย หรือขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่จำเป็น
Tags:
เผยแพร่:
การศึกษาอัพเกรด
เมื่อ:
2008-01-10