โอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล

* ที่มาของภาพ - bp0.blogger.com/.../8ZuJ82ogxiI/s200/dominos.jpg
หากพิจารณาจากผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อย่างไม่เป็นทางการ ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2550 ซึ่งพรรคพลังประชาชน (พปช.) ได้ ส.ส. 233 คน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 165 คน พรรคชาติไทย (ชท.) 37 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) 24 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา (รช.) 9 คน พรรคมัชฌิมาธิปไตย (มฌม.) 7 คน และพรรคประชาราช (ปชร.) 5 คน
สูตรการจัดตั้งรัฐบาลมีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น 30 สูตร พปช.มีความเป็นไปได้ในการจัดตั้งรัฐบาลถึง 28 สูตร โดยอาจรวมตัวเป็นรัฐบาลตั้งแต่ 2 พรรคถึง 6 พรรค และมีจำนวน ส.ส.ได้ตั้งแต่ 242 ถึง 315 คน ส่วน ปชป.มีโอกาสเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้เพียง 2 สูตรเท่านั้น โดยต้องเป็นรัฐบาลที่มี 5 หรือ 6 พรรค และมีจำนวน ส.ส. 242 หรือ 247 คน
ในกรณีของ พปช. มีเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ คือ การจัดตั้งรัฐบาลที่มีประมาณ 280 เสียงขึ้นไป ตามคำแถลงของหัวหน้าพรรค แต่จากท่าทีการรวมตัวของพรรคขนาดกลาง (ชท.และ พผ.) น่าจะทำให้ พปช. มีความพยายามจัดตั้งรัฐบาลที่มี 4 พรรคขึ้นไป โดยมีพรรคขนาดกลางอย่างน้อย 1 พรรค และพรรคขนาดเล็กอย่างน้อย 1 พรรค (รช.) ในกรณีที่ร่วมกับ ชท.และ พผ. หรืออย่างน้อย 2 พรรคในกรณีที่ร่วมกับ ชท. หรือ 3 พรรค ในกรณีที่ร่วมกับ พผ. เพื่อให้รัฐบาลยังคงมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แม้พรรคขนาดกลางถอนตัวจากรัฐบาล และยังทำให้พรรคขนาดกลางไม่มีอำนาจต่อรองมากเกินไปด้วย
หากเป็นไปตามการวิเคราะห์ข้างต้น จะทำให้สูตรการจัดตั้งรัฐบาลเหลือ 10 สูตรเท่านั้น โดยมีพรรคร่วมรัฐบาล 4 ถึง 6 พรรค และมี ส.ส. 278 ถึง 315 คน (ตารางที่ 1)
ส่วนกรณีของ ปชป. แทบจะกล่าวได้ว่าเหลือสูตรในการจัดตั้งรัฐบาลเพียงสูตรเดียว คือ การจัดตั้งรัฐบาล 6 พรรค 247 เสียง เพราะรัฐบาล 5 พรรคที่มี ส.ส.เพียง 242 คนนั้น มีความเสี่ยงมากเกินไป
สำหรับกรณีพรรคขนาดกลางและเล็ก การเข้าร่วมรัฐบาลกับ พปช.หรือ ปชป.มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน กล่าวคือ การร่วมรัฐบาลที่มี พปช.เป็นแกนนำ มีความเสี่ยงต่ำ และผลตอบแทนต่ำ เพราะพรรคขนาดกลางและเล็กมีอำนาจต่อรองน้อยกว่า แต่รัฐบาลค่อนข้างจะมีเสถียรภาพ ขณะที่การร่วมรัฐบาลกับ ปชป. มีความเสี่ยงสูง และมีผลตอบแทนสูง เพราะรัฐบาลขาดเสถียรภาพ แต่พรรคขนาดกลางและเล็กจะมีอำนาจต่อรองสูงมาก เพราะหากพรรคหนึ่งพรรคใดถอนตัว รัฐบาลจะล่มทันที
ทั้งนี้เมื่อนำจำนวนส.ส.ของแต่ละพรรคในแต่ละสูตรการจัดตั้งรัฐบาลมาคำนวณหาโควตารัฐมนตรี (โดยยังไม่คำนึงถึงปัจจัยการเจรจาต่อรอง) จะพบว่า รัฐบาลที่พรรค พปช.เป็นแกนนำ โดย พปช.จะได้โควตารัฐมนตรีตั้งแต่ 25 (หรือต่ำกว่านั้น) ถึง 29 คน จากรัฐมนตรีที่มีได้ไม่เกิน 35 คน ส่วนรัฐบาลที่ ปชป.เป็นแกนนำ โดย ปชป.จะได้โควตารัฐมนตรีไม่เกิน 23 คน (ตารางที่ 1)
ตารางที่ 1 การคำนวณโควตารัฐมนตรีตามสูตรต่าง ๆ ในการจัดตั้งรัฐบาล (รัฐมนตรี 35 คน)
สูตรการจัดตั้งรัฐบาล
|
จำนวน ส.ส.
|
พปช
|
ปชป
|
ชท
|
พผด
|
รช
|
มฌม
|
ปชร
|
233
|
165
|
37
|
24
|
9
|
7
|
5
|
||
พปช+ชท+พผ+รช+มฌม+ปชร
|
315
|
25.89
|
4.11
|
2.67
|
1.00
|
0.78
|
0.56
|
|
พปช+ชท+พผด+รช+มฌม
|
310
|
26.31
|
4.18
|
2.71
|
1.02
|
0.79
|
||
พปช+ชท+พผด+รช+ปชร
|
308
|
26.48
|
4.20
|
2.73
|
1.02
|
0.57
|
||
พปช+ชท+พผด+มฌม+ปชร
|
306
|
26.65
|
4.23
|
2.75
|
0.80
|
0.57
|
||
พปช+ชท+พผด+รช
|
303
|
26.91
|
4.27
|
2.77
|
1.04
|
|||
พปช+ชท+รช+มฌม+ปชร
|
291
|
28.02
|
4.45
|
1.08
|
0.84
|
0.60
|
||
พปช+ชท+รช+มฌม
|
286
|
28.51
|
4.53
|
1.10
|
0.86
|
|||
พปช+ชท+รช+ปชร
|
284
|
28.71
|
4.56
|
1.11
|
0.62
|
|||
พปช+ชท+มฌม+ปชร
|
282
|
28.92
|
4.59
|
0.87
|
0.62
|
|||
พปช+พผด+รช+มฌม+ปชร
|
278
|
29.33
|
3.02
|
1.13
|
0.88
|
0.63
|
||
ปชป+ชท+พผ+รช+มฌม+ปชร
|
247
|
23.38
|
5.24
|
3.40
|
1.28
|
0.99
|
0.71
|
ส่วนโควตารัฐมนตรีของพรรคขนาดกลางและเล็กนั้น ชท.จะได้โควตารัฐมนตรี 4 ถึง 5 คนในกรณีที่เข้าร่วมกับ พปช. แต่อาจจะต่อรองได้ถึง 6 คนในกรณีเข้าร่วมกับ ปชป. ส่วน พผ.จะได้โควตารัฐมนตรี 3 ในกรณีที่เข้าร่วมกับ พปช. แต่จะได้ถึง 4 คนในกรณีเข้าร่วมกับ ปชป. ขณะที่ รช.จะได้โควตารัฐมนตรี 1 ถึง 2 คนในกรณีที่เข้าร่วมกับ พปช. หรือ 2 คนในกรณีเข้าร่วมกับ ปชป. และพรรคที่เหลือจะได้โควตารัฐมนตรีพรรคละ 1 คน ไม่ว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคใด
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่มีการแข่งขันกันจัดตั้งรัฐบาลของ 2 พรรคใหญ่ ย่อมทำให้พรรคขนาดกลางและเล็กมีอำนาจต่อรองมากขึ้น ยิ่งเมื่อมีการจับมือกันของพรรคขนาดกลาง ยิ่งทำให้อำนาจต่อรองของพรรคขนาดกลางและเล็กเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งน่าจะทำให้มีโอกาสได้โควตารัฐมนตรีเพิ่มขึ้น หรือได้กระทรวงที่มีความสำคัญมากขึ้น
ในภาวะเช่นนี้ทำให้ ปชป.มีโควตารัฐมนตรีในมือน้อยกว่า พปช. ทำให้มีหน้าตักในการดึงดูดพรรคอื่น ๆ ให้เข้ามาร่วมรัฐบาลได้น้อยกว่า ในขณะที่ พปช.สามารถตั้งรัฐบาลได้โดยไม่จำเป็นต้องตอบสนองความต้องการของทุกพรรค แต่ ปชป.ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
จึงไม่น่าแปลกใจที่ พปช.ใช้ยุทธศาสตร์การดึงพรรคขนาดเล็กเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อปิดโอกาสการจัดตั้งรัฐบาลของ ปชป. และในมุมมองของพรรคขนาดเล็ก การไปร่วมรัฐบาลกับ พปช. มีโอกาสได้โควตารัฐมนตรีไม่แตกต่างหรือในบางกรณีอาจจะได้โควตารัฐมนตรีมากกว่าการร่วมรัฐบาลกับ ปชป. และการแสดงท่าทีเช่นนี้ยิ่งทำให้พรรคขนาดเล็กมีอำนาจต่อรองกับ ปชป.มากขึ้นด้วย
ณ เวลานี้ โอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลของ พปช.มีอยู่สูงมาก ขณะที่โอกาส ปชป.ค่อนข้างริบหรี่เต็มที ใบเหลืองและใบแดงของคณะกรรมการการเลือกตั้งจึงเป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่ของ ปชป.ในเวลานี้
Tags:
เผยแพร่:
0
เมื่อ:
2008-01-09