รัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลใหม่คือใคร?

ที่มาของภาพ http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/15/Circle-question-red.svg/600px-Circle-question-red.svg.png
หลายคนอาจตั้งคำถามว่า รัฐมนตรีกระทรวงไหนที่จะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของต่างประเทศที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ประเทศเรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะความไม่เชื่อมั่นต่อการดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ จนทำให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งชะลอการลงทุน และอีกส่วนหนึ่งได้ทยอยย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว หลายคนอาจจะคิดถึงกระทรวงเศรษฐกิจ แต่ผมกลับมองว่า ผู้ที่มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
ความไม่เชื่อมั่นของนานาชาติต่อสถานการณ์ในประเทศไทยนั้น ส่วนหนึ่งที่สำคัญคงเป็นเรื่องจิตวิทยาและ ldquo;มุมมองrdquo; ของต่างประเทศที่มีต่อไทย ซึ่งกระทรวงต่างประเทศน่าจะมีความเข้าใจดีกว่าและมีบทบาทที่ตรงกับภารกิจนี้มากกว่ากระทรวงอื่น บทบาทที่สำคัญของรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลหน้าคือ การสื่อสารต่อนานาอารยะประเทศให้เข้าใจอย่างชัดเจนถึงทิศทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่โปร่งใส มีนิติรัฐ และควรมีบทบาทในการร่วมกำหนดนโยบายเศรษฐกิจให้เป็นธรรมต่อทั้งคนในและต่างประเทศ และมีเสถียรภาพ เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติคาดการณ์ทิศทางของนโยบายได้ และมั่นใจว่านโยบายจะคงเส้นคงวา รวมทั้งไม่ได้มีทิศทางที่ปิดกั้นการลงทุนจากต่างประเทศ
ประเทศไทยจำเป็นต้องได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศที่มีคุณสมบัติเหมาะสม มีวิสัยทัศน์ มีประสบการณ์ในการบริหาร มีความเข้าใจพลวัตของโลกยุคใหม่ และการเชื่อมโยงไร้พรมแดนในยุคโลกาภิวัตน์ ในอดีตเรามักได้นักการทูตที่มีความเข้าใจงานเชิง ldquo;การเมืองrdquo; และ ldquo;การทูตrdquo; ระหว่างประเทศ เพราะปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐใช้ ldquo;การเมืองrdquo; นำ แต่โลกในระยะ 2 ทศวรรษที่ผ่านมาได้เคลื่อนไปสู่โลกที่ใช้เศรษฐกิจนำการเมือง ทำให้บทบาทของรัฐมนตรีต่างประเทศต้องปรับเปลี่ยนไปเพื่อให้ก้าวทันความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเงื่อนไขที่บ่อยครั้งที่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมีบทบาทเหนือผลประโยชน์ทางการเมืองและการทหาร
รัฐมนตรีต่างประเทศต้องเข้าใจความเชื่อมโยงของโลกยุคใหม่ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในโลกหรือในเวทีระหว่างประเทศ หรือในนโยบายของประเทศอื่นที่เกี่ยวโยงกับประเทศไทย รัฐมนตรีต่างประเทศต้อง ldquo;อ่านเกมออกrdquo; ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกประเทศและแนวโน้มต่าง ๆ จะกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศเราอย่างไร และไทยควรจะ ldquo;เดินเกมrdquo; ต่ออย่างไร เพื่อไม่ให้ประเทศเสียเปรียบ พร้อมกับสามารถให้ข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์แก่รัฐบาลได้ว่า ประเทศไทยควรจะเตรียมรับมือหรือตอบสนองต่อผลกระทบเหล่านั้นอย่างไร
โดยนัยยะนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศควรจะเป็นผู้ที่รอบรู้ในหลากหลายด้าน ไม่เพียงแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทูตเพียงด้านเดียว ท่านควรจะมีความรู้สหวิทยาการที่ครอบคลุมด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การเมืองระหว่างประเทศ การเจรจาต่อรองระหว่างประเทศ ทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงประเด็นระหว่างเทศอื่น ๆเช่น สิ่งแวดล้อม การค้ามนุษย์ การอพพยย้ายถิ่นข้ามชาติ เอดส์ เป็นต้น
ทั้งนี้ มิได้หมายความว่าความเชี่ยวชาญด้านการเมืองและการทูตจะหมดความสำคัญไป เพราะแน่นอนว่าผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวจะต้องเข้าใจด้านเศรษฐกิจโดยต้องมีการติดต่อประสานงานกับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ และกระทรวงการต่างประเทศของประเทศอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น ในการส่งเสริมสินค้าไทยในต่างแดน กระทรวงต่างประเทศต้องมีส่วนสำคัญเชื่อมโยงธุรกิจไทยกับประเทศคู่ค้า การหาโอกาสและเอื้ออำนวยความสะดวกให้นักธุรกิจไทยในต่างแดน รวมทั้งการ ติดตามว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มทางการเมืองและสังคมอย่างไรที่อาจจะกระทบต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของไทยได้ด้วย
ประเทศไทยไม่เพียงต้องการรัฐมนตรีที่มีความรู้ดังที่กล่าวไปแล้ว ซึ่งเป็นเสมือนคุณสมบัติขั้นพื้นฐานผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ แต่ยังต้องการผู้ที่มีเครือข่ายความสัมพันธ์กับนานาชาติอย่างกว้างขวาง ทั้งความสัมพันธ์กับสื่อมวลชน นักธุรกิจ ข้าราชการระดับสูง เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ ผู้บริหารขององค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ รวมทั้งสถาบันคลังสมอง (think tank) ที่มีบทบาทต่อการกำหนดนโยบายในประเทศต่าง ๆ ด้วย ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศยังควรมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนักการทูตของประเทศอื่นที่ทำหน้าที่ในประเทศไทย ตลอดจนนักข่าวและนักธุรกิจต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยด้วย
ดังที่ได้เกริ่นไปแล้วว่า ในเวทีระหว่างประเทศในปัจจุบัน เรื่องภาพลักษณ์ของประเทศเป็นสิ่งทสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตัวเนื้อหาสาระของนโยบายต่างประเทศเลย รัฐมนตรีต่างประเทศจึงต้องเป็นนักสื่อสารที่ดีด้วย การสื่อสารหรือการประชาสัมพันธ์ประเทศ (ควบคู่ไปกับนโยบายที่เหมาะสม) จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำความเชื่อมมั่นกลับคืนมาสู่ประเทศไทย รัฐมนตรีต้องมียุทธศาสตร์ในการทำประชาสัมพันธ์และมีกลยุทธ์ในการสร้างตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ (strategic position) ของประเทศไทยในระดับนานาชาติ ว่าควรเป็นอย่างไรจึงจะมีประโยชน์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ เช่นกรณีของฝรั่งเศสที่วางตำแหน่งในเรื่องของผู้กำหนดแนวโน้มแฟชั่นโลกคู่กับแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ หรือสวิสเซอร์แลนด์ที่มีตำแหน่งที่ชัดเจนในแง่ของแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม และการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ประเทศไทยต้องการรัฐมนตรีที่มีทั้งคุณวุฒิ ประสบการณ์ และคุณสมบัติที่เหมาะสมกับบริบท สถานการณ์ และความจำเป็นของประเทศในแต่ละช่วงเวลา หากเราได้คนที่เหมาะสมเล่นบทบาทที่เหมาะสม โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เราก็มีความหวังที่จะเห็นประเทศไทยฟื้นความเข้มแข็งได้ในไม่ช้า
แม้จะมีการคาดการณ์ว่า รัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งจะมีอายุสั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความรัฐบาลใหม่จะไม่มีความสำคัญ ตรงกันข้าม รัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้ง ไม่ว่าพรรคใดจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม จะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งที่การพลิกฟื้นประเทศให้กลับคืนความเข้มแข็งและก้าวต่อไปอย่างมั่นคง รัฐบาลใหม่จะต้องฟื้นฟูความเชื่อมั่นของคนในประเทศและนานาชาติต่ออนาคตของประเทศไทย
หลายคนอาจตั้งคำถามว่า รัฐมนตรีกระทรวงไหนที่จะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของต่างประเทศที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ประเทศเรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะความไม่เชื่อมั่นต่อการดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ จนทำให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งชะลอการลงทุน และอีกส่วนหนึ่งได้ทยอยย้ายฐานการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว หลายคนอาจจะคิดถึงกระทรวงเศรษฐกิจ แต่ผมกลับมองว่า ผู้ที่มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
ความไม่เชื่อมั่นของนานาชาติต่อสถานการณ์ในประเทศไทยนั้น ส่วนหนึ่งที่สำคัญคงเป็นเรื่องจิตวิทยาและ ldquo;มุมมองrdquo; ของต่างประเทศที่มีต่อไทย ซึ่งกระทรวงต่างประเทศน่าจะมีความเข้าใจดีกว่าและมีบทบาทที่ตรงกับภารกิจนี้มากกว่ากระทรวงอื่น บทบาทที่สำคัญของรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลหน้าคือ การสื่อสารต่อนานาอารยะประเทศให้เข้าใจอย่างชัดเจนถึงทิศทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่โปร่งใส มีนิติรัฐ และควรมีบทบาทในการร่วมกำหนดนโยบายเศรษฐกิจให้เป็นธรรมต่อทั้งคนในและต่างประเทศ และมีเสถียรภาพ เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติคาดการณ์ทิศทางของนโยบายได้ และมั่นใจว่านโยบายจะคงเส้นคงวา รวมทั้งไม่ได้มีทิศทางที่ปิดกั้นการลงทุนจากต่างประเทศ
ประเทศไทยจำเป็นต้องได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศที่มีคุณสมบัติเหมาะสม มีวิสัยทัศน์ มีประสบการณ์ในการบริหาร มีความเข้าใจพลวัตของโลกยุคใหม่ และการเชื่อมโยงไร้พรมแดนในยุคโลกาภิวัตน์ ในอดีตเรามักได้นักการทูตที่มีความเข้าใจงานเชิง ldquo;การเมืองrdquo; และ ldquo;การทูตrdquo; ระหว่างประเทศ เพราะปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐใช้ ldquo;การเมืองrdquo; นำ แต่โลกในระยะ 2 ทศวรรษที่ผ่านมาได้เคลื่อนไปสู่โลกที่ใช้เศรษฐกิจนำการเมือง ทำให้บทบาทของรัฐมนตรีต่างประเทศต้องปรับเปลี่ยนไปเพื่อให้ก้าวทันความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเงื่อนไขที่บ่อยครั้งที่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมีบทบาทเหนือผลประโยชน์ทางการเมืองและการทหาร
รัฐมนตรีต่างประเทศต้องเข้าใจความเชื่อมโยงของโลกยุคใหม่ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในโลกหรือในเวทีระหว่างประเทศ หรือในนโยบายของประเทศอื่นที่เกี่ยวโยงกับประเทศไทย รัฐมนตรีต่างประเทศต้อง ldquo;อ่านเกมออกrdquo; ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกประเทศและแนวโน้มต่าง ๆ จะกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศเราอย่างไร และไทยควรจะ ldquo;เดินเกมrdquo; ต่ออย่างไร เพื่อไม่ให้ประเทศเสียเปรียบ พร้อมกับสามารถให้ข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์แก่รัฐบาลได้ว่า ประเทศไทยควรจะเตรียมรับมือหรือตอบสนองต่อผลกระทบเหล่านั้นอย่างไร
โดยนัยยะนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศควรจะเป็นผู้ที่รอบรู้ในหลากหลายด้าน ไม่เพียงแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทูตเพียงด้านเดียว ท่านควรจะมีความรู้สหวิทยาการที่ครอบคลุมด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การเมืองระหว่างประเทศ การเจรจาต่อรองระหว่างประเทศ ทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงประเด็นระหว่างเทศอื่น ๆเช่น สิ่งแวดล้อม การค้ามนุษย์ การอพพยย้ายถิ่นข้ามชาติ เอดส์ เป็นต้น
ทั้งนี้ มิได้หมายความว่าความเชี่ยวชาญด้านการเมืองและการทูตจะหมดความสำคัญไป เพราะแน่นอนว่าผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวจะต้องเข้าใจด้านเศรษฐกิจโดยต้องมีการติดต่อประสานงานกับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ และกระทรวงการต่างประเทศของประเทศอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น ในการส่งเสริมสินค้าไทยในต่างแดน กระทรวงต่างประเทศต้องมีส่วนสำคัญเชื่อมโยงธุรกิจไทยกับประเทศคู่ค้า การหาโอกาสและเอื้ออำนวยความสะดวกให้นักธุรกิจไทยในต่างแดน รวมทั้งการ ติดตามว่าประเทศนั้นมีแนวโน้มทางการเมืองและสังคมอย่างไรที่อาจจะกระทบต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของไทยได้ด้วย
ประเทศไทยไม่เพียงต้องการรัฐมนตรีที่มีความรู้ดังที่กล่าวไปแล้ว ซึ่งเป็นเสมือนคุณสมบัติขั้นพื้นฐานผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ แต่ยังต้องการผู้ที่มีเครือข่ายความสัมพันธ์กับนานาชาติอย่างกว้างขวาง ทั้งความสัมพันธ์กับสื่อมวลชน นักธุรกิจ ข้าราชการระดับสูง เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ ผู้บริหารขององค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ รวมทั้งสถาบันคลังสมอง (think tank) ที่มีบทบาทต่อการกำหนดนโยบายในประเทศต่าง ๆ ด้วย ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศยังควรมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนักการทูตของประเทศอื่นที่ทำหน้าที่ในประเทศไทย ตลอดจนนักข่าวและนักธุรกิจต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยด้วย
ดังที่ได้เกริ่นไปแล้วว่า ในเวทีระหว่างประเทศในปัจจุบัน เรื่องภาพลักษณ์ของประเทศเป็นสิ่งทสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตัวเนื้อหาสาระของนโยบายต่างประเทศเลย รัฐมนตรีต่างประเทศจึงต้องเป็นนักสื่อสารที่ดีด้วย การสื่อสารหรือการประชาสัมพันธ์ประเทศ (ควบคู่ไปกับนโยบายที่เหมาะสม) จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำความเชื่อมมั่นกลับคืนมาสู่ประเทศไทย รัฐมนตรีต้องมียุทธศาสตร์ในการทำประชาสัมพันธ์และมีกลยุทธ์ในการสร้างตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ (strategic position) ของประเทศไทยในระดับนานาชาติ ว่าควรเป็นอย่างไรจึงจะมีประโยชน์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ เช่นกรณีของฝรั่งเศสที่วางตำแหน่งในเรื่องของผู้กำหนดแนวโน้มแฟชั่นโลกคู่กับแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ หรือสวิสเซอร์แลนด์ที่มีตำแหน่งที่ชัดเจนในแง่ของแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม และการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ประเทศไทยต้องการรัฐมนตรีที่มีทั้งคุณวุฒิ ประสบการณ์ และคุณสมบัติที่เหมาะสมกับบริบท สถานการณ์ และความจำเป็นของประเทศในแต่ละช่วงเวลา หากเราได้คนที่เหมาะสมเล่นบทบาทที่เหมาะสม โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เราก็มีความหวังที่จะเห็นประเทศไทยฟื้นความเข้มแข็งได้ในไม่ช้า
* นำมาจากหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ ฉบับวันศุกร์ที่28 ธันวาคม 2550
Tags:
เผยแพร่:
0
เมื่อ:
2008-01-04