เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ในที่ประชุมรัฐสภา

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ในที่ประชุมรัฐสภา ผมมีโอกาสได้อภิปรายในวาระการรับทราบผลการดำเนินงานของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย หรือบสท. แต่หลังจากอภิปรายได้ไม่นาน ผมได้ถูกเพื่อนสมาชิกรัฐสภาที่อยู่ฝ่ายรัฐบาล ลุกขึ้นประท้วงว่าผมได้ทำผิดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ในข้อ 61 ด้วยประเด็นว่าเนื้อหาที่พูดนั้นฟุ่มเฟือย วนเวียน ซ้ำซาก และพยายามพูดย้ำเพิ่มเติมว่า "ผมนั้นเป็น ส.ส.ใหม่ จึงไม่เข้าใจกติกาและทำผิดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา"

ในความเห็นส่วนตัวของผมนั้น ผมยอมรับได้สำหรับการประท้วง หากท้วงติงเพราะท่านเห็นว่าขัดกับข้อบังคับ ซึ่งเมื่อผมไม่เห็นด้วย จึงได้ชี้แจงไปว่า เนื้อหาที่ผมพูดอยู่ในประเด็น ไม่ได้ฟุ่มเฟือย วนเวียน ซ้ำซาก ดังที่มีการประท้วงแต่อย่างใด ประเด็นเหตุผลเช่นนี้ ผมยอมรับได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกไม่เห็นด้วยกับ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล นั่นคือ การพยายามลดความน่าเชื่อถือด้วยคำพูดที่ว่า "เป็น ส.ส.ใหม่" เป็นเสมือนน้องใหม่ ไม่เข้าใจกติกา อันส่งผลทำให้สามารถถูกตีความได้อย่างง่าย ๆ ว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้เตรียมพร้อม จึงทำผิดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงผมคิดว่า ส.ส.ทุกท่านไม่ว่าใหม่หรือเก่าย่อมต้องศึกษาและเตรียมความพร้อมมาก่อนทั้งสิ้น และแม้ ส.ส.เก่าก็มีจำนวนไม่น้อยที่ตั้งใจทำผิดกติกาด้วยซ้ำ การยกคำกล่าวเช่นนี้จึงไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากทำลายความน่าเชื่อถือของ ส.ส.ใหม่ทั้งในสายตาของ ส.ส.ในสภาฯ และในสายตาของประชาชน

อีกประเด็นหนึ่งที่สะท้อนเกมการลดความน่าเชื่อถือฝ่ายตรงข้ามได้เป็นอย่างดี นั่นคือ การลุกขึ้นมากล่าวชี้แจงของคุณวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แทนที่ท่านจะกล่าวชี้แจงในประเด็นที่ผมได้อภิปรายไปเพื่อให้ประชาชนเข้าใจอย่างแจ่มชัด กลับย้อนให้ไปดูเรื่อง ปรส. ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับเรื่องที่ได้อภิปรายไป ในเรื่องนี้ผมเห็นว่า นอกจากการตอบของท่านไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนแต่อย่างใดแล้ว ยังสะท้อนภาพของเกมส์การเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ดังที่ควรจะเป็น

การเมืองในปัจจุบัน เราพยายามรณรงค์ให้ทำงานการเมืองด้วยความสร้างสรรค์ ดังนั้น เราไม่ควรจะมีทัศนคติดังที่กล่าวมาแล้วเบื้องต้น แต่ควรเป็นการเมืองที่ให้เกียรติ และให้ความสำคัญในการทำงานของ ส.ส. มากกว่าจะพิจารณาว่าใครเป็น ส.ส.มาแล้วกี่สมัย ไม่ควรหาช่องเลี่ยงพูดนอกเรื่อง เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม เพราะบทบาทหน้าที่ ส.ส. ที่ดี คือรับผิดชอบงานในสภาและรักษาผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนอย่างถึงที่สุด