Newsletter กุมภาพันธ์ 2554

Meagan Fisher CM1
 

ขอเสนออย่างสร้างสรรค์                                                              กุมภาพันธ์ 2554

 
 


 


ข้อเสนอในการจัดทำดัชนีความก้าวหน้าของชาติ

         เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการกำกับทิศทางแผนงาน
สนับสนุน การขับเคลื่อนสังคมด้วยดัชนีความก้าวหน้าของชาติ ในฐานะกรรมการท่านหนึ่ง
ที่ได้รับเชิญจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งทำหน้าที่เป็น
เจ้าภาพในการขับเคลื่อนงานนี้

          สสส.ได้รับการสนับสนุนจากรัฐให้พัฒนาตัวชี้วัด ซึ่งสามารถวัดความก้าวหน้าของ
ประเทศได้อย่างแท้จริง ซึ่งมากไปกว่าการวัดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยจีดีพีที่
อาจจะไม่ได้สะท้อนถึงมิติการกระจายรายได้ ไม่ได้สะท้อนถึงสวัสดิการสังคมที่มีให้แก่
ประชาชน ไม่ได้สะท้อนปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาเศรษฐกิจ และไม่ได้บอก
ว่าสังคมมีความเป็นธรรมหรือเอื้ออาทรต่อกันหรือไม่

  ผมเห็นด้วยกับแนวคิดนี้เป็นอย่างยิ่ง เป็นเวลานานหลายปีมาแล้วที่ผมได้เสนอแนะให้
มีการจัดทำดัชนีวัดความอยู่ดีมีสุข (National well being index) เพื่อกำกับการทำงานของประเทศ
ในทุกเรื่องและทุกหน่วยงาน เพื่อจะเห็นประเทศถูกขับเคลื่อนไปในทุกมิติอย่างแท้จริง ส่วนดัชนี
ความก้าวหน้าของชาตินั้น ผมได้เคยเสนอความเห็นในเรื่องนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งในช่วงแรกที่สสส.
มีแนวคิดเรื่องนี้ออกมาผ่านทางบทความเรื่อง ?การจัดทำดัชนีความก้าวหน้าของประเทศ? ใน
หนังสือพิมพ์โกลบอลบิซิเนส ฉบับวันที่ 24-30 เมษายน 2552

           ในการประชุมครั้งล่าสุดนั้น มีหลายประเด็นที่คณะกรรมการได้ร่วมอภิปรายกัน ผมคิด
ว่าอาจจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านหากผมได้มีโอกาสแบ่งปันเรื่องนี้ โดยมีหลายสิ่งที่ผมเห็น
ว่าคณะกรรมการชุดนี้ควรดำเนินการหากต้องการพัฒนาดัชนีความก้าวหน้าของชาติที่ใช้งาน
ได้อย่างแท้จริง อาทิ

          การจัดทำเมทริกซ์เพื่อแสดงผู้มีส่วนได้เสียในมิติต่างๆ ให้ครบถ้วน

          การพัฒนาดัชนีความก้าวหน้าของชาติเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย โดย สสส.ได้พยายาม
นำหน่วยงานที่สนใจและมีความห่วงใยในเรื่องนี้ หรือรับผิดชอบงานด้านที่เกี่ยวกับการจัดเก็บ
ข้อมูลสถิติ ข้อมูลการพัฒนา รวมทั้งนักวิชาการ เครือข่ายสื่อ และเครือข่ายภาคประชาสังคม
เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งพยายามให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในการสร้าง
ดัชนีนี้ด้วย ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีและผมเห็นด้วยกับแนวคิดนี้

           อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าการเลือกผู้มีส่วนได้เสียในลักษณะนี้อาจทำให้ได้กลุ่มผู้มีส่วน
ได้เสียไม่ครบถ้วน อาจมีกลุ่มที่ไม่สนใจในประเด็นนี้มากนัก แต่มีความเกี่ยวข้อง และไม่ได้เข้า
มาร่วม ดังนั้น  ผมคิดว่าควรมีการจัดระบบผู้มีส่วนร่วมให้เป็นระบบ โดยการจัดทำ ?เมทริกซ์
ผู้มีส่วนได้เสีย?
หรือตารางไขว้สำหรับบรรจุรายชื่อผู้มีส่วนได้เสียที่มีลักษณะตรงกับประเด็น
ในมิติต่างๆ เช่น ภาคส่วนต่างๆ ประเด็นที่สนใจ (เช่น ความยากจนหรือสิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน
ฯลฯ) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พื้นที่ เป็นต้น (ดูตัวอย่างในตารางที่ 1) วิธีนี้จะทำให้เห็นภาพรวมของ
กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดและเห็นช่องโหว่ที่ยังขาด เพื่อจะสามารถนำกลุ่มคนต่างๆ เข้ามาร่วมกัน
ขับเคลื่อนงานนี้ได้อย่างเหมาะสม

ตารางที่ 1 ตัวอย่างเมทริกซ์ผู้มีส่วนได้เสีย

เมทริกซ์ผู้มีส่วนได้เสีย

ภาคส่วนต่างๆ

ภาคการเมือง

ภาครัฐ

ภาคเอกชน

ภาควิชาการ

ภาคประชาสังคม

ฯลฯ

ประเด็นที่สนใจ

ความยากจน

 

 

 

 

 

 

สิ่งแวดล้อม

 

 

 

 

 

 

สิทธิมนุษยชน

 

 

 

 

 

 

ประชาธิปไตย

 

 

 

 

 

 

ฯลฯ

 

 

 

 

 

 

การนำฝ่ายการเมืองเข้ามาร่วมกับคณะทำงานตั้งแต่เริ่มต้น

            ผมเห็นว่าการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้พยายามใช้ ?ยุทธการป่าล้อมเมือง? คือ
พยายามที่จะหว่านล้อมให้กลุ่มต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด แต่ดูเหมือนจะละเลยกลุ่มที่สำคัญ
ไปนั่นคือ ฝ่ายการเมือง ซึ่งดูเหมือนจะถูกนำไปไว้ที่ชายขอบ ไม่ได้เกี่ยวข้องจนกว่างานจะสำเร็จ
แล้วนำไปเสนอให้ฝ่ายการเมืองพิจารณา ผมเห็นว่าวิธีการที่ดีกว่าคือ คณะทำงานนี้ควรนำฝ่าย
การเมืองเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่บุคลากรฝ่ายการเมือง เมื่อดัชนี
ความก้าวหน้าได้รับการพัฒนาแล้วเสร็จและนำไปใช้ในภาคปฏิบัติ ฝ่ายการเมืองจะได้มีความ
เข้าใจและขับเคลื่อนไปได้เต็มที่มากกว่า

การเชื่อมโยงกัน (Synchronization) ต้องมาจากทั้งบนลงล่างและล่างขึ้นบน


            คณะกรรมการให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเปิดโอกาส
ให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรอบแนวคิดและตัวชี้วัดที่แสดงถึงความก้าวหน้า
ของประเทศและเหมาะสมกับบริบทของไทย ไม่เพียงเท่านั้นผมเสนอว่าควรมีการจัดกระบวนการ
เชื่อมโยงจากล่างขึ้นบนและจากบนลงล่างให้มีความสมดุล โดยคณะทำงานควรเชื่อมโยงข้อมูล
จากคณะกรรมการและภาคีอื่นไปยังประชาชนมากขึ้น ซึ่งสามารถใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสาร-
สนเทศที่มีอยู่เป็นสื่อกลาง เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าถึงข้อมูลได้ระหว่างทางตลอดเวลา ทุกภาคี
สามารถเข้าถึง วิพากษ์วิจารณ์ได้ เสนอแนะได้ ซึ่งจะช่วยให้การทำงานได้ผลมากขึ้นและเร็วขึ้น
เป็นต้น

            นอกจากนี้ผมคิดว่า การสร้างวาทกรรมบางประการให้เกิดความสนใจในสังคมนั้นเป็น
สิ่งที่จำเป็นเช่นกัน เนื่องจากหากคนไม่เข้าใจสิ่งดีที่คณะทำงานพยายามทำนั้น เขาอาจไม่ได้ให้
ความร่วมมืออย่างเต็มที่ การกระตุ้นความสนใจของสังคมสามารถทำได้ทันทีควบคู่ไปกับการวาง
กรอบและจัดทำดัชนี โดยไม่จำเป็นต้องรอจนดัชนีแล้วเสร็จ

            ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การผลักดันวาระการจัดทำดัชนีฯ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
กรอบเวลาในการขับเคลื่อนเป็นสิ่งสำคัญ ขณะนี้การเมืองอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ คณะกรรมการ
ต้องติดตามสถานการณ์ว่าช่วงเวลาใดที่เสนอดัชนีแล้วแผนงานจะถูกขับเคลื่อนมากสุด ซึ่งผมเชื่อ
ว่าเวลาจะมาถึงในอีกไม่ช้า

            การประชุมที่ผ่านมาเป็นเพียงครั้งแรกเท่านั้น ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าดัชนีนี้จะออกมา
เป็นรูปเป็นร่างได้ ผมหวังว่าสังคมไทยจะถูกขับเคลื่อนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านภาคส่วน
ต่างๆ ที่เข้ามาร่วมในการกระบวนการจัดทำดัชนีวัดความก้าวหน้าแห่งชาติในครั้งนี้

ได้รับการตีพิมพ์จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์การเมือง : ทัศนะวิจารณ์วันอังคารที่ : 15 กุมภาพันธ์ 2554

                                                                                                               อ่านบทความเรื่องอื่นๆ

ข่าวประชาสัมพันธ์

หลักสูตรอื่น ๆ ประจำเดือน มีนาคม

หลักสูตรการพูดในที่สาธารณะและเทคนิคการนำเสนอฯ...<Click> 
 วันที่ 9-10 มีนาคม 2554
การคิดสิบมิติ (ภาพรวม)...<Click>  

  วันที่ 11 มีนาคม 2554

การมองภาพรวมหรือการบริหารงานอย่างเป็นองค์รวม...<Click>        

 วันที่ 17 มีนาคม 2554

หลักสูตรการคิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Thinking )...<Click>    

 วันที่ 18 มีนาคม 2554

ใบสมัคร...<คลิ๊กที่นี่>

More about  : Timebanksociety.com| drdancando.com|kriengsak.com

น้ำมันปาล์มแสนตัน ทางแก้หรือยิ่งแย่

  

        ราคาน้ำมันปาล์มมันแพงก็เพราะว่ามีเรื่องผิด
ปกติบางส่วนเข้ามาผสมอยู่ด้วย ผมใจเข้าว่ามีผู้ได้
ประโยชน์พอสมควรจากการที่ราคาน้ำมันปาล์มขึ้น สมมุติยกตัวอย่างง่ายๆว่าเราเป็นเจ้าถิ่นผู้ยิ่งใหญ่
ที่มีน้ำมันปาล์มอยู่แล้วเราสามารถนำไปกักตุนไว้
บ้างบางระดับ เพื่อทำให้มันขาดตลาดบ้างบางส่วน
ผสมกับสภาพจริงด้วยหลายอย่างที่มีแนวโน้ม
เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วที่จะไม่เพียงพอราคามันขึ้นอยู่ แล้วเรายังจะทำให้มันขึ้นไปอีกแล้วยังจะสามารถ
ได้ประโยชน์ส่วนต่างเยอะๆ คนนั้นก็จะรวยขึ้นมาได้
จากการที่เล่นกลจากสิ่งเหล่านี้ ...