ปฏิรูประบบคุ้มครองทางสังคม

ระบบการคุ้มครองทางสังคม (social security) ในประเทศไทย โดยเฉพาะการประกันสุขภาพ การประกันชราภาพ และการประกันเกี่ยวกับการมีงานทำหรือประกันรายได้ มีปัญหาสำคัญคือบริการที่ไม่ครอบคลุมทั่วถึงทุกคน คุณภาพของการให้บริการที่ค่อนข้างต่ำ และปัญหาสำคัญคือความไม่เป็นธรรม

สำหรับความไม่ครอบคลุมและขาดคุณภาพนั้นเป็นปัญหาที่ทุกคนทราบดี แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ระบบคุ้มครองทางสังคมของไทยไม่เป็นธรรมอย่างไร ในเมื่อคนยากจนได้รับการรักษาพยาบาลในราคาเพียง 30 บาท คนแก่ที่ยากจนและไม่มีผู้อุปการะได้รับเงิน 300 บาทต่อเดือน และคนยากจนยังได้รับการช่วยเหลือและสงเคราะห์จากภาครัฐอีกหลายโครงการ โดยนำเงินช่วยเหลือมาจากการเก็บภาษีจากผู้ที่มีรายได้สูงกว่า

เหตุที่กล่าวว่าไม่เป็นธรรม เพราะยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่มีความสามารถในการจ่าย แต่กลับไม่ได้มีส่วนร่วมจ่าย โดยเฉพาะในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่มีผู้มีรายได้สูงบางส่วนมาร่วมใช้บริการ โดยที่จ่ายในราคา 30 บาทเท่ากับผู้ที่มีรายได้น้อย

ความไม่เป็นธรรมอีกประการหนึ่งคือ โครงสร้างภาษีที่ไม่เป็นธรรม เพราะเก็บอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากชนชั้นกลางและผู้ที่อยู่ในระบบ แต่คนรวยและผู้ที่อยู่นอกระบบกลับมีช่องทางหลีกเลี่ยงภาษี

ผมจึงมีความคิดว่า ระบบประกันสังคมในประเทศไทยควรได้รับการปฏิรูป ให้เป็นการประกัน (insurance) ที่ ldquo;ทั่วถึง มีคุณภาพ และเป็นธรรมrdquo; และเป็นการจัดสรรทรัพยากรใหม่ (redistribution) ทั้งแบบข้ามกลุ่มคนจาก ldquo;แข็งแรงช่วยเจ็บป่วย รวยช่วยจน หนุ่มสาวช่วยคนชราrdquo; และแบบข้ามเวลาจากปัจจุบันสู่อนาคต โดยการขยายให้ครอบคลุมแรงงานทั้งประเทศ ระบบประกันสังคมปัจจุบันครอบคลุมแรงงานในระบบเพียง 13.8 ล้านคน ยังมีแรงงานนอกระบบ 22.5 ล้านคนที่ไม่ได้รับการคุ้มครอง ถึงแม้แรงงานนอกระบบได้รับการประกันด้านสุขภาพจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค แต่ยังไม่ครอบคลุมทุกด้าน

ผมเห็นว่าแรงงานทุกคนควรเข้าสู่ระบบประกันสังคม โดยให้ทุกคนมาขึ้นทะเบียนประกันสังคมเพื่อรับสิทธิการประกันสังคม ซึ่งจะได้รับบริการที่ครอบคลุมทุกอย่างและตามมาตรฐานเดียวกันกับที่ประกันสังคมให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ ประกันสุขภาพ ประกันชราภาพ และประกันการว่างงานrdquo; โดยรายละเอียดของนโยบายผมจะกล่าวถึงในบทความครั้งต่อไป

admin
Catagories: 
เผยแพร่: 
0
เมื่อ: 
2006-06-06