หันหน้าเข้าหากัน ต้องจริงใจ
ldquo;อยากบอกกับนักการเมือง ฝ่ายค้าน กลุ่มพันธมิตร และสื่อมวลชนว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องหันหน้าเข้าหากัน โดยยึดกรอบของประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และเดินต่อไปrdquo;
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ ldquo;นายกฯทักษิณคุยกับประชาชนrdquo; เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ผมเห็นด้วยกับนายกฯ ว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากัน แต่กระนั้น ในภาคปฏิบัติ ผมยังเห็นว่า มีหลายเรื่องที่รัฐบาลรักษาการมีมติให้ดำเนินการ ส่อนัยว่าจะก่อให้เกิดความแตกแยกมากกว่าสร้างความสมานฉันท์ระหว่างคนกลุ่มต่าง ๆ อย่างเช่น การจัดงาน ldquo;รวมใจทุกศาสนา พัฒนาท้องถิ่นไทย ถวายองค์ราชา ครองราชย์ 60 ปีrdquo; โดยกระทรวงมหาดไทย มีการระดมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศจำนวน 80,000 คน มาชุมนุมที่วัดธรรมกาย ในระหว่างวันที่ 17-18 กรกฎาคม ในงานมีการเชิญ ldquo;ทักษิณrdquo; ไปแสดงปาฐกถาและเป็นประธานในพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพร
แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่การจัดงานนี้ได้แฝงนัยยะทางการเมืองที่อาจถูกตีความได้ว่า เป็นการจัดขึ้นเพื่อแสดงพลังกลุ่มคนที่สนับสนุนพรรคไทยรักไทย ทั้งนี้หากวิเคราะห์การจัดงาน พบว่ามีความไม่สมเหตุสมผลหลายประการ อาทิ
ความไม่สมเหตุสมผลในสถานที่จัดงาน ประเด็นนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากในความไม่เหมาะสมของการใช้สถานที่วัดธรรมกาย ในการจัดงาน ldquo;รวมใจทุกศาสนาrdquo; ซึ่งควรเลือกสถานที่ที่มีความเป็นกลาง แม้ฝ่ายจัดงานจะอ้างถึงความสะดวกสบาย แต่ประเด็นนี้ย่อมถูกตีความไปได้ว่าการใช้สถานที่นี้ อาจเป็นการชี้ให้เห็นถึงฐานเสียงสนับสนุนจากสมาชิกธรรมกายซึ่งมีจำนวนมาก นอกเหนือจากฐานเสียงจากอบต.ทั่วประเทศ
ความไม่สมเหตุสมผลในการระดมคนเข้าร่วมงาน ผมเห็นด้วยกับการแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ที่ตะขิดตะขวงใจอยู่บ้างคือ เรื่องความจำเป็นในการระดมคนถึง 80,000 คนมาแสดงพลังในสถานที่เดียว ผมคิดว่าไม่จำเป็น เพราะหากต้องการจัดงานนี้ขึ้น สามารถจัดพร้อม ๆ กันในแต่ละจังหวัดในวันเดียวกัน เวลาเดียวกันได้ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานในการเปิดงาน ไม่จำเป็นต้องเดินทางมารวมกันที่กรุงเทพฯ ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง สิ้นเปลืองงบประมาณจำนวนมาก อีกทั้งเสียเวลาในการทำงานในพื้นที่ไปโดยไม่จำเป็น การเดินทางมารวมกันครั้งนี้จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สังคมตั้งคำถามว่า เป็นการแสดงพลังของกลุ่มการเมืองใดหรือไม่?
ความไม่สมเหตุสมผลในเวลาที่จัดงาน อีกเรื่องหนึ่งที่มีคำถาม ldquo;เหตุใดต้องมาจัดงานในช่วงนี้rdquo; ทั้ง ๆ ที่กระทรวงมหาดไทยนั้นสามารถจัดงานนี้ได้ตั้งแต่ในช่วงเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ตลอดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเหมาะสมมากกว่า การจัดในช่วงนี้จึงเป็นอีกประเด็นหนึ่งอาจถูกตั้งคำถามในทำนองเดียวกัน
หากนายกรัฐมนตรีต้องการให้ทุกฝ่าย ldquo;หันหน้าเข้าหากันrdquo; อย่างแท้จริง ผมคิดว่า ทุก ๆ เรื่องที่ตัดสินใจกระทำนั้นสมควรโปร่งใส เห็นแก่ประชาชนทุกฝ่าย โดยลด ละ เลิก การเห็นแก่ประโยชน์ของกลุ่มหรือพวกพ้องของตนให้มากที่สุด จนประชาชนสัมผัสได้ถึงความจริงใจจนไม่จำเป็นต้องมีการตีความใด ๆ