พูดประทับใจ เมื่อเข้าใจคน

. ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ผมมีโอกาสไปบรรยายให้ความรู้เรื่อง ldquo;การพัฒนาทักษะการพูดrdquo; ให้กับหน่วยงานและสถาบันการศึกษาหลายแห่ง คำแนะนำเรื่องหนึ่งที่ผมต้องย้ำให้ลูกศิษย์เห็นความสำคัญเสมอ นั่นคือ เราจะต้องเข้าใจผู้ฟังให้มากที่สุด เพื่อให้สามารถพูดได้แตะใจ สร้างความประทับใจแก่ผู้ฟัง ส่งผลให้เราบรรลุเป้าหมายการพูดได้มากที่สุด

ถึงกระนั้น คำถามสำคัญที่ลูกศิษย์มักถาม นั่นคือ เราจะเข้าใจผู้ฟังได้อย่างไร ในเมื่อเราไม่เคยรู้จักเขาเลย อีกทั้ง คนฟังนั้นอาจมีความหลากหลาย เราย่อมไม่สามารถพูดให้ทุก ๆ คนพึงพอใจได้
คำถามนี้น่าสนใจ เพราะเป็นความจริงที่ว่า การเข้าใจผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องยาก ...ทว่าไม่ยากเกินไป หากเรามีความเข้าใจในจิตวิทยาพื้นฐานของคน

โดยทั่วไปในทางจิตวิทยาพบว่า คนปกติโดยทั่วไปนั้น ส่วนใหญ่มักจะชอบให้คนอื่นทำดีกับตน มองตนในด้านดี มากกว่าด้านเสีย

เราในฐานะผู้พูด จึงควรพยายามตอบสนองในด้านที่จะทำให้คน ldquo;ชอบ พึงพอใจrdquo; มากกว่า ldquo;หงุดหงิด ไม่พอใจrdquo; ดังนั้น หากต้องการพูดให้ประทับใจ ควรจดจำว่า คนฟังส่วนใหญ่....
ชอบคนอารมณ์ดี กล่าวกันว่า คนเราต้องการอยู่ใกล้กับคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส หรือมี ldquo;ใบหน้ารับแขกrdquo; มากกว่าคนที่หน้าตาเคร่งเครียด หรือ ldquo;ใบหน้าไม่รับแขกrdquo; ดังนั้น เวลาพูด เราจึงควรมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูเป็นมิตร น่าคบค้าสมาคมด้วย อีกทั้ง ในการบทพูดของเรา ควรแทรกเรื่องตลกไปบ้าง ยิ่งโดยเฉพาะคนไทย ส่วนใหญ่จะชอบคนที่มีบุคลิกตลก ร่าเริง สนุกสนาน การแทรกมุขตลกจะเพิ่มสีสันการพูดได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ผู้ฟังเกิดความสุขและประทับใจเราได้มากขึ้น
ชอบคำชม ให้เกียรติ ยกย่อง เราควรจำไว้ว่า คนเรามักต้องการเป็นคนสำคัญ มีคนเห็นคุณค่า ให้เกียรติ ชื่นชมยกย่องในสิ่งดีที่ตนได้ทำ ดังนั้น ในการพูด เราจำเป็นต้องมีคำพูดชมผู้ฟังแทรกมาในช่วงที่เหมาะสมด้วย เช่น ชื่นชมว่าเป็นบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ยกย่องว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เป็นบุคคลที่ควรปรบมือให้
ชอบได้รับความสนใจ จำไว้ว่า เมื่ออยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม ไม่มีใครชอบการถูกเพิกเฉย ไม่มีใครใส่ใจ เพราะจะเกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ต้องการให้ผู้อื่นสนใจ เอาใจใส่ ดังนั้น ในการพูด เราควรให้ผู้ฟังมีส่วนร่วม อาจเป็นการตั้งคำถาม หรือยิ่งหากเรารู้จักบางคนที่ฟัง และเอ่ยชื่อเขา สิ่งดีที่ทำ หรือให้เขามีส่วนร่วมบางอย่าง เขาจะรู้สึกมีความภูมิใจและประทับใจในเรา
ชอบฟังเรื่องที่ตนสนใจ เช่นเดียวกับเรา เราย่อมให้ความเอาใจใส่จดจ่ออยู่กับเรื่องที่สนใจ มากกว่าเรื่องที่ไม่สนใจ ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ เราย่อมไม่สนใจการ์ตูน แตกต่างจากเด็ก ๆ ดังนั้น เราควรรู้ข้อมูลพื้นฐานของผู้ฟัง กลุ่มผู้ฟังเป็นกลุ่มใด มีความสนใจในเรื่องใดบ้าง เพื่อนำมาปรับให้เรื่องที่พูดสอดคล้องกับความสนใจของผู้ฟังให้มากที่สุด ย่อมจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ฟังสนใจและประทับใจในสิ่งที่เราพูดได้
ไม่ชอบถูกต่อว่า ถูกตำหนิ คนเราจะเกิดความรู้สึกไม่พอใจ ยิ่งหากทำต่อหน้าผู้อื่น ยิ่งก่อให้เกิดความโกรธ เพราะเกิดความรู้สึกเสียหน้า ดังนั้น ในการพูด เราต้องระมัดระวัง ไม่ใช่คำพูดในเชิงเหน็บแนม ต่อว่า ตำหนิ เสียดสีผู้ฟัง แม้โดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เช่น การพูดถึงคนที่มีน้ำหนักมากในเชิงลบหรือขบขัน ผู้ฟังที่มีน้ำหนักมากจะรู้สึกถูกต่อว่า และจะเกิดความไม่พอใจทันที เป็นต้น
การเข้าใจธรรมชาติพื้นฐานความชอบ-ไม่ชอบของคนโดยทั่วไปเช่นนี้ ย่อมเป็นประโยชน์ในการเตรียมความพร้อมก่อนลงสนามการพูดจริง อันจะช่วยให้เกิดความชื่นชมและประทับใจ ก่อเกิดทัศคติที่ดีต่อเรา ซึ่งจะส่งเสริมให้การพูดในครั้งต่อ ๆ ไปของเราได้รับการยอมรับอย่างง่ายดาย
admin
เผยแพร่: 
งานวันนี้
เมื่อ: 
2007-09-25