ใกล้อวสานร้านโชว์ห่วย
เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
กระแสการรุกคืบของทุนข้ามชาติกำลังโหมกระหน่ำไปทุกหย่อมหญ้า ล่าสุดผู้ประกอบการร้านค้าโชว์ห่วยจำนวนกว่าพันราย พร้อมทั้งประชาชนในเขตเทศบาลเมืองตาคลี ร่วมใจกันขึ้นป้ายคัดค้านพร้อมขับไล่ ldquo;ห้างโลตัสrdquo; ทั่วเมืองตาคลี หลังจากที่ทางห้างโลตัสเตรียมที่จะเข้าไปก่อสร้างห้างในเขตเทศบาลเมืองตาคลี จ.นครสวรรค์
จากประสบการณ์ที่เคยทำงานในฐานะเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ผมเข้าใจดีว่าเหตุใดประชาชนจึงออกมาคัดค้านการขยายตัวของร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ โดยจากการศึกษาผมเห็นถึงผลกระทบจากการขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ อย่างน้อย 5 ประการ1) ผู้บริโภคฟุ่มเฟือยมากขึ้น รูปแบบการค้าปลีกสมัยใหม่ทำให้วัฒนธรรมวิถีชีวิต และการบริโภคของประชาชนเกิดการเปลี่ยนแปลง จากการศึกษาของ TDRI เรื่องการค้าปลีกของไทย : ผลกระทบของการแข่งขันจากผู้ประกอบการค้าปลีกขนาดใหญ่ในต่างประเทศ พบว่าทำให้ผู้บริโภคฟุ่มเฟือยมากขึ้น
2) กิจการค้าส่งส่วนใหญ่มียอดขายลดลงระหว่างปี 2539 ndash; 2545 ร้านค้าส่งร้อยละ 10 มียอดขายสูงขึ้น แต่ร้านค้าส่งส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 74 มียอดขายลดลงร้อยละ 7 เนื่องจากการปิดกิจการของร้านโชว์ห่วยซึ่งเป็นลูกค้าของกิจการค้าส่ง และการที่ร้านโชว์ห่วยหันไปซื้อสินค้าจากกิจการค้าปลีกขนาดใหญ่มากขึ้น
3) ซัพพลายเออร์มีอำนาจต่อรองลดลง จากผลการศึกษาระหว่างปี 2540 พบว่าซัพพลายเออร์ 44 แห่ง มียอดขายสูงขึ้นร้อยละ 20.8 แต่กำไรเบื้องต้นน่าจะลดลง เนื่องจากการสั่งซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากทำให้กิจการค้าปลีกขนาดใหญ่มีอำนาจต่อรองสูง ขณะที่ซัพพลายเออร์ขนาดเล็กบางแห่งอาจต้องพึ่งพากิจการค้าปลีกขนาดใหญ่เป็นผู้ซื้อเพียงรายเดียว (ผูกขาดด้านผู้ซื้อ) ทำให้ซัพพลายเออร์ขาดอำนาจต่อรอง เพราะหากซัพพลายเออร์ไม่ยอมทำตามเงื่อนไขที่กิจการค้าปลีกขนาดใหญ่เรียกร้อง จะทำให้ยอดขายตกลงมาก
4) การแข่งขันที่ไม่เท่าเทียมและไม่เป็นธรรม ถึงแม้ว่าตลาดค้าปลีกจะเป็นตลาดแข่งขันเสรี แต่ธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กไม่สามารถแข่งขันกับกิจการค้าปลีกขนาดใหญ่ได้ เนื่องจากมีการแข่งขันที่ไม่เท่าเทียมและไม่เป็นธรรม เช่น ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์จากการประหยัดจากขนาด (economy of scale) และการใช้กลยุทธ์ด้านราคา โดยกดราคาให้ต่ำกว่าคู่แข่งจนคู่แข่งอยู่ไม่ได้ เพื่อที่ตนเองจะกลายเป็นผู้ผูกขาดตลาด นอกจากนี้ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ได้ผลิตสินค้าบางชนิดเองทำให้เกิดการรวมตัวในแนวดิ่ง มีต้นทุนการจัดจำหน่ายต่ำ จึงขายในราคาถูกกว่าสินค้าชนิดเดียวกันของผู้ผลิตรายอื่น ทำให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการรายอื่นต้องปิดกิจการลง
5) การสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศ โดยส่วนใหญ่แล้วบรรษัทข้ามชาติมักจะทำการโอนเงินกำไรที่ได้ออกนอกประเทศไปยังประเทศแม่ของตน โดยตัวเลขจากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ (1-4 มิ.ย. 49) ระบุว่านักลงทุนต่างชาติขนเงินปันผลกำไรกลับประเทศจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะปี 2548 อุตสาหกรรม-ค้าปลีก-อสังหาริมทรัพย์ของต่างชาติขนกำไรออกไปถึง 192,789 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เรายังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการนำกำไรออกนอกประเทศเฉพาะของกิจการห้างค้าปลีกขนาดใหญ่
ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ยังเลือกปฏิบัติ โดยมีการเก็บค่าแรกเข้า (entrance fee) จากสินค้าชนิดเดียวกันแต่ต่างยี่ห้อในอัตราที่ไม่เท่ากัน และไม่เก็บจากซัพพลายเออร์ที่เป็นบริษัทข้ามชาติ การวางสินค้าที่ผลิตเองในตำแหน่งที่ดีแต่วางสินค้าของผู้ผลิตรายอื่นในมุมอับ การนำสินค้าออกจากชั้นวางโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าหรือใช้เหตุผลต่าง ๆ เพื่อปลดสินค้าของซัพพลายเออร์ออกจากชั้นวาง หรือกำหนดเงื่อนไขและขอส่วนลดจากซัพพลายเออร์เพิ่มขึ้น หากไม่ทำตามจะนำสินค้าออกจากชั้นวาง รวมทั้งบังคับให้ซัพพลายเออร์จำหน่ายสินค้าให้กิจการค้าปลีกขนาดใหญ่ โดยให้ติดฉลากเป็นยี่ห้อของกิจการค้าปลีก แต่ไม่ให้ใช้ตราสินค้าของผู้ผลิตเอง
ผลกระทบทั้งหมดที่กล่าวมา พอจะทำให้มิตรสหายของผมเห็นถึงผลกระทบของทุนนิยมข้ามชาติที่สร้างผลกระทบอย่างกว้างขวาง หากประเทศไทยเปิดเสรีโดยขาดความพร้อมและขาดมาตรการรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ในด้านหนึ่งทุนนิยมทำให้เกิดการแข่งขันและทำให้เศรษฐกิจมีประสิทธิภาพ และการเปิดห้างค้าปลีกขนาดใหญ่มีข้อดีคือผู้บริโภคอาจได้ประโยชน์จากราคาสินค้าที่ต่ำลง แต่ประเด็นที่รัฐบาลควรเน้นคือ การรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม การป้องกันการผูกขาดและการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และการเตรียมมาตราการรองรับผู้ที่จะรับผลกระทบไว้ล่วงหน้าด้วย