ข้อเสนอแก้ปัญหาการว่างงานปี 52
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
kriengsak@kriengsak.com, http:// www.kriengsak.com
ผลจากวิกฤตการเมืองของไทย และวิกฤตเศรษฐกิจของโลกทำให้คาดว่าจะมีคนว่างงานในประเทศไทยถึง 1 ล้านคนในไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 สูงกว่าไตรมาสแรกของปี 2551 ถึง 4 แสนคน
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาความรุนแรงของปัญหาการว่างงานที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ นับว่ายังไม่รุนแรงมากเมื่อเทียบกับปัญหาการว่างงานในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง เพราะในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2542 มีจำนวนคนว่างงานถึง 1.7 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 5.5 ของกำลังแรงงาน แต่เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการว่างงานในช่วงปี 2546 และ 2547
นอกจากนี้ การว่างงานในประเทศไทยยังมีลักษณะของการว่างงานตามฤดูกาล กล่าวคือในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี อัตราการว่างงานจะสูงกว่าช่วงอื่น ๆ ของปี เพราะเป็นช่วงที่อยู่นอกฤดูกาลเพาะปลูก และเป็นช่วงที่ผู้จบการศึกษากำลังอยู่ระหว่างการหางานทำ ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2551 มีจำนวนคนว่างงานประมาณ 6 แสนคน ขณะที่ไตรมาสที่ 3 มีจำนวนคนว่างงานประมาณ 4.5 แสนคน หากปี 2552 มีคนว่างงาน 1 ล้านคนแสดงว่ามีจำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นจากระดับเดิม 4 แสนคน
แม้ปัญหาการว่างงานในปี 2552 จะไม่รุนแรงเท่ากับช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่ถือว่าเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วง แม้รัฐบาลจะออกมาตรการต่าง ๆ ออกมาช่วยเหลือบ้างแล้ว ซึ่งผมเห็นว่าควรมีมาตรการเพิ่มเติมในการช่วยแก้ปัญหาการว่างงาน อาทิ
ผ่อนภาษีนิติบุคคล โดยอนุญาตให้ผู้ประกอบการชำระภาษีนิติบุคคลในอัตราร้อยละ 25 ของกำไรประจำปี และสามารถขอผ่อนผันการชำระภาษีส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 5 ในปีต่อไปได้ โดยผู้ที่ขอผ่อนผันการชำระภาษีจะต้องจ่ายดอกเบี้ย (ในอัตราต่ำ) แก่รัฐบาลด้วย การยืดระยะเวลาการชำระภาษีจะช่วยทำให้ผู้ประกอบการมีสภาพคล่องมากขึ้น ซึ่งจะช่วยชะลอการปลดคนงานออกไปได้
ตั้งกองทุนรับประกันนักท่องเที่ยว เนื่องจากการฟื้นฟูการท่องเที่ยวจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานได้อย่างรวดเร็ว และสาเหตุที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศหดตัวลงเกิดจากการขาดความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ดังนั้นภาครัฐจึงควรเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว โดยมาตรการสำคัญประการหนึ่ง คือการจัดตั้งกองทุนที่ให้การรับประกันแก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจว่าจะมีผู้รับผิดชอบทันทีหากเกิดความเสียหายขึ้นจากความขัดแย้งทางการเมือง
เร่งลงทุนในโครงการขนาดเล็ก ในภาวะที่เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจทุกตัวไม่ทำงาน รัฐบาลควรแสดงบทบาทหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานโดยการเพิ่มการลงทุนของภาครัฐ อย่างไรก็ตามการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่อาจเริ่มต้นได้ช้า ภาครัฐจึงควรหันมาเร่งรัดการลงทุนในโครงการขนาดเล็ก ซึ่งสามารถเริ่มโครงการได้เร็ว และสามารถกระจายรายได้และสร้างงานได้มากกว่า เช่น การพัฒนาโรงเรียนและโรงพยาบาล การพัฒนาระบบชลประทานและแหล่งน้ำขนาดเล็ก การซ่อมแซมถนนและระบบสาธารณูปโภค การฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น
มาตรการข้างต้นเป็นข้อเสนอเพื่อบรรเทาและรองรับคนว่างงานในระยะสั้น ซึ่งภาครัฐควรต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน แต่รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับมาตรการระยะยาวเพื่อรองรับปัญหาการว่างงานในอนาคตด้วย โดยเฉพาะการพัฒนาตาข่ายรองรับทางสังคมให้ครอบคลุมทุกกลุ่มคน และการขยายประกันการว่างงานให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ รวมทั้งจัดระบบหรือส่งเสริมการออมของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันสามารถเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจในอนาคตได้
ที่มา วันที่ : 6- 12 มีนาคม 2552 นิตยสาร/หนังสือพิมพ์ : หนังสือพิมพ์โกลบอลบิซิเนส