เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
มติของคณะรัฐมนตรีวันที่
23
พฤษภาคม
2549
ที่จะดึงโครงการเมกะโปรเจกต์
ได้แก่
รถไฟฟ้า
3
สาย
คือ
สายสีม่วง
สีน้ำเงิน
และสีแดง
ออกจากโครงการโมเดิร์นไนเซชั่น
เพื่อมาดำเนินการก่อน
โดยให้เหตุผลว่าเป็นไปตามลำดับความสำคัญ
แต่คำถามคือ
โครงการรถไฟฟ้าทั้ง
3
สายมีลำดับความสำคัญสูงสุดจริงหรือไม่
ในช่วงรัฐบาลทักษิณ
1
คณะทำงานนโยบายเศรษฐกิจของกระทรวงการคลัง
ที่มีนายโอฬาร
ไชยประวัติ
เป็นประธาน
ได้เห็นชอบหลักการจัดลำดับความสำคัญของโครงการเมกะโปรเจกต์
โดยมีหลักการ
4
ประการคือ
โครงการที่ให้ผลตอบแทนสูง
โดยดูจาก
IRR
โครงการที่ให้ผลตอบแทนเร็ว
โครงการที่มีการนำเข้าปัจจัยการผลิตต่ำ
และโครงการที่มีการสร้างรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ
ต่อมาสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้ทำการศึกษาเพื่อจัดลำดับความสำคัญของโครงการเมกะโปรเจกต์
ตามหลักการ
4
ประการข้างต้น
ผลการศึกษาพบว่า
โครงการโทรคมนาคมมีลำดับความสำคัญสูงสุด
โครงการด้านการศึกษาและสาธารณสุข
โครงการที่อยู่อาศัย
โครงการคมนาคมทางอากาศ
โครงการเกษตรกรรมและชลประทาน
โครงการพลังงาน
มีความสำคัญรองลงมาตามลำดับ
และโครงการคมนาคมทางบก
(รวมทั้งรถไฟฟ้า)
มีลำดับความสำคัญต่ำสุด
(ตารางที่
1)
ตารางที่
1
การจัดลำดับความสำคัญของตัวอย่างโครงการสาขาต่างๆ
(ถ่วงน้ำหนักทุกหลักเกณฑ์เท่ากัน)
สาขา |
อัตรา
ผลตอบแทน |
สัดส่วน
การนำเข้า |
ระยะเวลาให้ผลตอบแทน |
รายได้จาก
ต่างประเทศ |
ลำดับโดยรวม |
โทรคมนาคม |
1 |
3 |
4 |
2 |
10 |
การศึกษา
สาธารณสุข |
3 |
5 |
2 |
2 |
12 |
อสังหาริมทรัพย์ |
8 |
1 |
1 |
3 |
13 |
คมนาคมทางอากาศ |
2 |
8 |
3 |
1 |
14 |
เกษตรกรรมและชลประทาน |
6 |
2 |
5 |
2 |
15 |
พลังงาน |
4 |
7 |
6 |
2 |
19 |
คมนาคมทางบก
|
7 |
4 |
8 |
2 |
21 |
หมายเหตุ:
ตัวเลขลำดับที่ต่ำ
หมายความว่ามีความสำคัญมากกว่า
ที่มา:
Pochaporn.
Pongnakorn
(2004)
From
Mega
Projects
to Macro
Projection,
MOF.
แต่รัฐบาลไม่ได้จัดลำดับความสำคัญตามที่ได้ศึกษาไว้
โดยให้ความสำคัญกับโครงการรถไฟฟ้ามากกว่าโครงการด้านน้ำ
ทั้งที่โครงการด้านน้ำมีลำดับความสำคัญสูงกว่า
สังเกตได้จากโครงการด้านน้ำถูกลดเป้าหมายลงเรื่อย
ๆ
เพราะจากการศึกษาของหน่วยราชการพบว่า
หากดำเนินโครงการน้ำทั้งระบบต้องใช้งบ
1
ล้านล้านบาท
แต่รัฐบาลเปิดตัวโครงการเมื่อ
23
ก.ค.
2546
ประกาศจะใช้เงินลงทุน
4
แสนล้านบาท
แต่ต่อมาลดลงเหลือเพียง
2
แสนล้านบาท
ขณะที่โครงการรถไฟฟ้ากลับได้รับความสำคัญมากขึ้น
จากเดิมที่รัฐบาลประกาศสร้างรถไฟฟ้า
7
สาย
แต่ต่อมากลับเพิ่มขึ้นอีก
3
สาย เป็น
10
สาย ทั้ง
ๆ ที่อีก
3
สายที่เพิ่มขึ้นยังไม่มีผลการศึกษา
คำถามคือ
รัฐบาลใช้หลักเกณฑ์อะไรในการจัดลำดับความสำคัญ
ในเมื่อไม่ใช่หลักการในเชิงวิชาการที่ได้มีการศึกษาไว้แล้ว
หลักเกณฑ์ที่รัฐบาลใช้จึงน่าจะเป็นเหตุผลทางการเมืองล้วน
ๆ
เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงใกล้วาระการเลือกตั้ง
แต่พรรครัฐบาลกำลังเสียคะแนนนิยมใน
กทม.
จึงต้องพรรคยามดำเนินนโยบายที่ได้คะแนนเสียงใน
กทม.
คำถามต่อมา
คือ
เหตุใดรัฐบาลจึงเลือกทำรถไฟฟ้า
3
สายดังกล่าวก่อน
แต่ไม่เลือกอีก
7
สายที่เหลือ
คำตอบหนึ่งของคำถามนี้
น่าจะเป็นประเด็นความพร้อมในการลงทุน
เพราะรถไฟฟ้าทั้ง
3
สายได้มีการศึกษาและออกแบบไปมากกว่าหลาย
ๆ สาย
แต่มีข้อที่น่าสังเกตว่า
เหตุใดรัฐบาลจึงไม่เลือกทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนและเขียวเข้มก่อน
ทั้ง ๆ
ที่มีความพร้อมและมีความสำคัญสูง
หากเปรียบเทียบลำดับความสำคัญของโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง
ๆ
โดยใช้หลักการ
4
ประการข้างต้น
เราจะพบว่า
หลักการด้านระยะเวลาให้ผลตอบแทน
การนำเข้าปัจจัยการผลิต
และการสร้างรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ
ไม่น่าจะแตกต่างกัน
ดังนั้นลำดับความสำคัญของโครงการรถไฟฟ้าจึงสามารถพิจารณาได้จากหลักการเดียวเท่านั้น
คือ
อัตราผลตอบแทนของการลงทุน
โดยดูจากดัชนี
IRR
ผลการศึกษาของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
พบว่ารถไฟฟ้าทั้ง
7
สาย
พบว่า
รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนและเขียวเข้ม
(ส่วนต่อขยาย
BTS)
เป็นโครงการที่มีอัตราผลตอบแทนสูงกว่าสายอื่น
(ตารางที่
2)
แต่รัฐบาลกลับไม่สนับสนุนการลงทุนในรถไฟฟ้า
2
สายนี้ก่อน
และดูเหมือนมีทีท่าพยายามกีดกันไม่ให้
กทม.ทำส่วนต่อขยาย
BTS
ด้วย
ข้อสรุปของพฤติกรรมดังกล่าวของรัฐบาลที่น่าจะเป็น
คือ
เป็นเหตุผลทางการเมือง
เพราะการที่รัฐบาลไม่ต้องการให้
กทม.ทำ
โครงการรถไฟฟ้า
เพราะกลัวว่าพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามจะแย่งคะแนนเสียงใน
กทม.ไป
ด้วยเหตุนี้
หลักการในการจัดลำดับความสำคัญของรัฐบาลนี้
จึงเป็นไปเพื่อคะแนนนิยมทางการเมืองเป็นสำคัญ
มิใช่เพื่อผลประโยชน์โดยส่วนรวมของประเทศชาติ
ตารางที่
2
อัตราผลตอบแทนทางการเงินและเศรษฐกิจของรถไฟฟ้าสายต่าง
ๆ
เส้นทาง |
ระยะทาง
(กิโลเมตร) |
ผู้โดยสาร
ปี
52
(Boarding/วัน) |
ผู้โดยสาร
ปี
64
(Boarding/วัน) |
FIRR* |
FIRR** |
EIRR |
สายสีเขียวอ่อน |
33 |
649,000 |
1,276,000 |
4.17 |
16.92 |
|
สายสีเขียวเข้ม |
38 |
677,000 |
1,090,000 |
6.13 |
19.44 |
|
สายสีน้ำเงิน |
40 |
992,000 |
1,961,000 |
1.23 |
18.39 |
|
สายสีม่วง |
40 |
461,000 |
904,000 |
1.46 |
9.3 |
|
สายสีส้ม |
24 |
316,000 |
597,000 |
0.93 |
11.19 |
|
สายสีแดงเข้ม |
65 |
787,000 |
1,374,000 |
3.02 |
9.5 |
|
สายสีแดงอ่อน |
50 |
559,000 |
1,160,000 |
3.4 |
9.89 |
|
รวม |
311 |
4,441,000 |
8,362,000 |
3.09 |
|
17.92 |
หมายเหตุ
:
อายุโครงการ
30 ปี
ไม่คิดมูลค่าซากของโครงสร้าง
FIRR
=
อัตราผลตอบแทนทางการเงิน
EIRR =
อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ
FIRR*
เป็นกรณีที่รัฐลงทุนเองทั้งหมด
FIRR*
เป็นกรณีที่รัฐลงทุนโครงสร้างให้ฟรี
|