แม้ว่าหลายฝ่ายจะคาดการณ์กันว่า
เศรษฐกิจปี 2549
จะสามารถขยายตัวได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่ในปี 2549
ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้
อาทิ
โครงการเมกกะโปรเจกต์
ซึ่งรัฐบาลรีบเร่งลงทุนด้วยวงเงิน 1.8 ล้านล้านบาทภายใน 4-5 ปี
สิ่งที่น่าวิตกคือการลงทุนในโครงการดังกล่าวต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงมากถึงร้อยละ
30 ถึง 50 ของมูลค่าโครงการ ซึ่งจะยิ่งสร้างแรงกดดันทำให้ปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดรุนแรงขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรัฐบาลนำวิธีการประมูลนานาชาติ
(International
Bidding)
มาใช้
และเป็นการประมูลที่ให้มีผู้ชนะการประมูลเพียง 1 รายต่อ 1 สาขา
เช่นมีผู้รับเหมารายเดียวที่ได้รับงานก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 10 สาย ด้วยเหตุนี้
ผู้ที่จะชนะการประมูลส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ของต่างประเทศ
ดังนั้นโอกาสที่จะมีการนำเข้าเครื่องจักร
เทคโนโลยี และวัสดุอุปกรณ์จากต่างประเทศจะยิ่งมีสัดส่วนที่สูงขึ้น
แต่กระนั้น ความไม่ชัดเจนของโครงการอาจทำให้การดำเนินโครงการล่าช้า
ซึ่งจะทำให้แรงกดดันต่อดุลบัญชีเดินสะพัดยังไม่สูงมากในปีนี้
แต่ปัญหาการขาดดุลฯจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในปีถัดไป
ปัจจัยเสี่ยงอีกประการหนึ่ง คือ
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังอยู่ในอยู่ในระดับสูง
แม้ราคาจะมีเสถียรภาพมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2548
แต่มูลค่าการนำเข้าน้ำมันตลอดทั้งปี 2549 น่าจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากปีก่อน
เพราะราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับสูงตลอดทั้งปี
และยังมีความเสี่ยงที่ราคาจะสูงขึ้นอีกในปีนี้
สถานการณ์การเมืองโลกในปี
2549 เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ระดับราคาน้ำมันผันผวนในทิศทางที่สูงขึ้นอีกได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานการณ์ความรุนแรงและความไร้เสถียรภาพของรัฐบาลอิรัก
รวมทั้งการคว่ำบาตรของนานาประเทศต่ออิหร่าน
ในกรณีที่รัฐบาลอิหร่านยืนยันสิทธิของตนเองที่จะพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
ซึ่งอาจทำให้ปริมาณน้ำมันที่ออกสู่ตลาดโลกลดลง
เนื่องจากอิรักและอิหร่านเป็นแหล่งผลิตน้ำมันขนาดใหญ่ของโลก
โลกยังมีความเสี่ยงจากภัยก่อการร้าย
โดยเฉพาะการลักพาตัวและก่อการร้ายต่อบริษัทน้ำมันของประเทศตะวันตกที่อยู่ในไนจีเรีย
ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก ตลอดจนความเสี่ยงจากการก่อการร้ายครั้งใหญ่ในประเทศตะวันตก
ตามคำขู่ของนายโอซามา บิน ลาเดน ผู้นำเครือข่ายอัลกออิดะห์
ซึ่งจะส่งผลทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกเกิดความผันผวน
และส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม
หากราคาน้ำมันดิบโลกไม่เพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ และไม่มีปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบรุนแรง
เช่น การก่อการร้ายระดับโลก ภัยธรรมชาติร้ายแรง โรคระบาดรุนแรง เป็นต้น
เศรษฐกิจโลกและปริมาณการค้าโลกน่าจะยังขยายตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับการขยายตัวในปี
2548 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปมีทิศทางฟื้นตัวขึ้น
ขณะที่เศรษฐกิจจีนยังมีอัตราการขยายตัวสูงมาก