ร่าง พ.ร.บ.การทางพิเศษฯ
ให้อำนาจตั้งบริษัท เป็นการปลดล็อคชั้นสุดท้ายของกระบวนการแต่งตัวก่อนเข้าตลาดหุ้น
กล่าวคือ เพิ่มสินทรัพย์ดี
โอนหนี้ให้ประชาชน และขายสมบัติให้คนบางกลุ่ม
รัฐบาลให้เหตุผลของการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
(กทพ.) ว่ากฏหมายเดิมไม่เหมาะกับสภาพการณ์ปัจจุบันทำให้การปฏิบัติงานไม่คล่องตัว
นอกจากนี้ควรปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของกทพ.ให้สามารถดำเนินกิจการเพื่ออำนวยความสะดวกในการจราจรได้มากยิ่งขึ้น
ตลอดจนกำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยเกี่ยวกับการใช้ทางพิเศษ
หากพิจารณาการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายฉบับนี้พบว่า นัยสำคัญของการเปลี่ยนแปลง
ไม่ใช่เพื่ออำนวยความสะดวกในการจราจรได้มากยิ่งขึ้น หรือเพื่อความปลอดภัยเกี่ยวกับการใช้ทางพิเศษ
แต่ พ.ร.บ.ดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลสามารถนำ
กทพ.เข้าตลาดหุ้นได้
โดยระบุไว้ว่าให้กทพ.มีอำนาจจัดตั้งหรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด
เพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องกับกิจการของ กทพ.
ผมเห็นว่าการดำเนินการในร่าง พ.ร.บ.กทพ.นี้
เป็นการปลดล็อคชั้นสุดท้ายก่อนนำเข้าตลาดหุ้น ตามที่ รมว.คมนาคมเคยกล่าวไว้ว่า
กทพ.จะทำแผนแปรรูปให้เสร็จภายในปี 2549
(มติชนรายวัน 2 กันยายน 2548)
ปัจจุบัน กทพ.มีสภาพคล่องต่ำและมีภาระหนี้
101,000 ล้านบาท
รัฐบาลจึงให้เหตุผลว่า การนำ กทพ.เข้าตลาดหุ้นเพื่อลดภาระหนี้ที่
กทพ.ต้องแบกรับ โดยนำเข้าตลาดหุ้นเพื่อระดมทุนมาใช้หนี้
แต่พฤติกรรมก่อนหน้านี้ของรัฐบาลกลับพยายามแต่งตัว กทพ.
เพื่อเตรียมเข้าตลาดหุ้น
โดยเสริมสภาพคล่องของ กทพ.ด้วยการเสนอ ร่าง พ.ร.บ.
โอนอำนาจหน้าที่และกิจการบริหารของกรมทางหลวง
ในส่วนที่เกี่ยวกับทางหลวงพิเศษและยกระดับอุตราภิมุข
เพื่อโอนสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ของกรมทางหลวงพิเศษมาไว้ที่ กทพ.
และทิ้งหนี้สินให้กรมทางหลวงรับภาระต่อไป
นอกจากนี้ รัฐบาลยังพยายามลดหนี้ก่อนเข้าตลาดหุ้น
โดยกระทรวงการคลังอนุญาตให้ กทพ.เร่งนำผลกำไรในแต่ละปีมาตัดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนให้หมดภายในปี
2549 ซึ่งทำให้ กทพ.ส่งรายได้เข้าคลังลดลง
รวมทั้งแปลงหนี้ที่ กทพ.เป็นหนี้ต่อรัฐให้เป็นทุน
หรือกล่าวให้ง่ายคือ การเพิ่มทุนของ กทพ.แล้วโอนหนี้ของ กทพ.มาเป็นของแผ่นดิน
หรือเป็นการนำงบประมาณแผ่นดินไปล้างหนี้ให้กับ กทพ.
การที่ร่างกฎหมายนี้ให้อำนาจ กทพ.ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้
เท่ากับว่าเปิดโอกาสให้เอกชนบางกลุ่มชุบมือเปิบนำสมบัติของชาติไปเป็นของตน
โดยทิ้งภาระหนี้ให้ประชาชนแบกรับ
ผมเสนอว่าควรยกเลิกการให้อำนาจของ กทพ.
ให้ตั้งบริษัทได้ เพื่อป้องกันการนำ
กทพ.ไปขาย เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้ดำเนินการน่าจะสามารถเสริมสภาพคล่องและลดภาระหนี้ของ
กทพ.ได้
โดยไม่ต้องนำเข้าตลาดหุ้น