เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
จากข่าวในคอลัมน์
สำนักข่าวหัวเขียว
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ประจำวันที่
26
กรกฎาคม
2548
ที่ได้พาดพิงถึง
รศ.ดร.
ต่อตระกูล
ยมนาค
ว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการคอร์รัปชันในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ
โดยระบุว่า
มีการคอร์รัปชันสูงถึงร้อยละ
40
ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถครองอำนาจได้นานถึง
136
สมัย
หรือ
544
ปี
ผมขอชี้แจงว่า
ประเด็นในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวเกี่ยวเนื่องกับการสัมมนา
เรื่อง ความเสี่ยงในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ
:
บทเรียนในอดีตและผลกระทบในอนาคต
เมื่อวันที่
18
กรกฎาคม
2548
จัดโดยคณะอนุกรรมาธิการเพื่อพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหภาคและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งผมเป็นประธานอนุกรรมาธิการและเป็นผู้ดำเนินการสัมมนา
และอาจารย์ต่อตระกูลเป็นวิทยากรในวันนั้นด้วย
ในการสัมมนา
ผมได้อ้างอิงถึงข้อมูลการคอร์รัปชันที่อาจารย์ต่อตระกูลได้กล่าวในตอนหนึ่งของการสัมมนาว่า
ตอนนี้เราบอกรั่วไหล
ยี่สิบ
สามสิบ
บางทีอาจจะถึง
สี่สิบ
ห้าสิบ
ดังนั้นผมจึงนำมาคิดคำนวณว่า
หากมีการทุจริตร้อยละ 20 - 40
ในโครงการเมกะโปรเจกต์ 1.7
ล้านล้านบาท
มีความเป็นไปได้ที่จะมีเม็ดเงินรั่วไหลถึง
3.4 - 6.8
แสนล้านบาท
และสมมติว่ามีการใช้เงิน 5
หมื่นล้านบาทเพื่อชนะการเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลในแต่ละสมัย
แสดงว่าจะสามารถใช้เงินจำนวนนี้เพื่อให้มีชัยชนะในการเลือกตั้งได้ถึง
6.8 - 13.6
สมัย
เมื่อคูณ 4
ปี
จะคิดเป็นระยะเวลาของการเป็นรัฐบาลได้ถึง
27.2 - 54.4
ปี
ตัวเลขดังกล่าวจึงไม่ได้เกิดจากการคิดเดาเอาเอง
แต่เกิดจากการคำนวณอย่างเป็นเหตุเป็นผลถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายจากการคอร์รัปชัน
แม้ว่าโครงการเมกะโปรเจกต์ยังไม่ได้ดำเนินการเลย แต่สิ่งที่ผมพูดไม่ได้เป็นการปรักปรำ
แต่เป็นการเตือนให้เห็นความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
และเห็นถึงความรุนแรงของปัญหานี้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ปัญหาเกิดขึ้นก่อน
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากเราสามารถจัดการปัญหาคอร์รัปชันได้
ประชาชนก็จะได้รับบริการที่มีคุณภาพมากขึ้น
และสามารถนำเงินที่อาจจะรั่วไหลไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาประเทศในด้านอื่น ๆ
ได้มากขึ้น
|