Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

ขอคิดอย่างสร้างสรรค์

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก

กรณีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ชี้แจงเรื่องเมกะโปรเจกท์หลังจากที่ผมได้อภิปราย ผมคิดว่ามีหลายประเด็นที่รัฐมนตรีสุริยะชี้แจงไม่ชัดเจน คลุมเครือ เหมือนกับยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนในการดำเนินการเรื่องนี้จริง ๆ อาทิ

การชี้แจงถึงงบของกระทรวงการคมนาคมที่จะจัดสรรให้มากขึ้น เป็นการกล่าวที่ไม่ครบและคลุมเครือ ยิ่งทำให้ประชาชนสับสน เพราะเคยแถลงไว้ว่างบประมาณการก่อสร้างโครงการลงทุนขนาดใหญ่ รวมถึงรถไฟฟ้า 5 แสนล้านนี้มีที่มาจาก 3 แหล่งด้วยกัน คือ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 35% การดำเนินงานและกำไรรัฐวิสาหกิจ 35% และการร่วมลงทุนของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ การกู้ยืมเงินด้วยการกู้ทางตรง การออกพันธบัตรและการทำซิเคียวริไทเซชัน     39%     การนำเงินเหล่านี้มาใช้ยังอาจทำให้ประเทศชาติเสียหายได้ในอนาคต เช่น การนำเงินกำไรจากการขายรัฐวิสาหกิจ ซึ่งควรจะเป็นเงินที่ใช้สำหรับพัฒนารัฐวิสาหกิจนั้น ๆ การลงทุนพร้อม ๆ กันปีละแสนล้าน โอกาสเกิดวิกฤตย่อมเป็นไปได้เพราะเงินจำนวนมากจะถมลงมาอยู่ที่เดียว

ในประเด็นความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ ท่าน รมว.ชี้แจงไม่ชัดเจน กล่าวเพียงว่าจะตั้งราคาให้ถูก ไม่มีตัวเลขชัดเจนว่าโครงการนี้ที่รัฐลงทุนทั้งหมด สุดท้ายจะเป็นโครงการที่ไม่ขาดทุน และดำเนินกิจการได้โดยไม่ต้องให้รัฐอุดหนุนเหมือนกรณีกองทุนน้ำมัน

นอกจากนี้ ปัญหาจราจรที่ผมได้ท้วงติงไปว่า รถจะติดขนาดใหญ่ จราจรจะเป็นอัมพาตทั่วเมือง ซึ่งท่าน รมว.คมนาคม ได้กล่าวชี้แจงว่า ทางสนข. (สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) กระทรวงคมนาคม ได้จัดเตรียมแผนการประชาสัมพันธ์เส้นทางเบี่ยง เพื่อให้ผู้ใช้ถนนแต่อยู่ในวิสัยที่หลีกเลี่ยงได้ และกล่าวว่าจะสร้างในเวลากลางคืนเป็นหลัก ผมคิดว่า คำตอบมีความคลุมเครือมาก เพราะหากก่อสร้างเฉพาะเวลากลางคืน ย่อมขัดแย้งกับระยะเวลาที่จะทำทั้ง 7 สายให้เสร็จภายในเวลา 5 ปี แต่จะต้องใช้เวลาล่าช้าออกไปอีก

ดังนั้น ทางที่ดีควรไปศึกษาผลกระทบให้ละเอียดถี่ถ้วนตามข้อเสนอแนะของผมก่อนจะดีกว่า รัฐบาลไม่ควรมุ่งเอาแต่จะขายฝันว่า รถไฟฟ้าเจ็ดสายเป็น "เส้นทางแห่งความสุข" เพราะในความจริง ประชาชนยอมรับนานแล้วว่าต้องการให้เกิดขึ้น และการอภิปรายของผมก็ไม่ได้ต้องการล้มเลิกโครงการนี้ เพียงแต่ต้องการชี้ข้อควรระวังและเสนอแนะแนวทางที่น่าจะเหมาะสมกว่า เพื่อเตือนรัฐบาลให้หันกลับมาฉุกคิดและศึกษาอย่างจริงใจว่า โครงการอภิมหาช้างนี้ มีจุดสุ่มเสี่ยงค่อนข้างมากต่อระบบเศรษฐกิจ และผลกระทบต่อประชาชนมากน้อยเพียงใด จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ควรเป็นพวก “มรรคใหญ่ใฝ่เสี่ยง” เพราะอนาคตชาติจะเสียหายได้