Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

ขอคิดอย่างสร้างสรรค์

ข้อพิจารณาบางประการเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ. การยางฯ
Legal draft act  on rubber

 

27 ตุลาคม 2548

 

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก     

ร่าง พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.
....เป็นแนวคิดที่ดี แต่การทำธุรกิจไม่ควรเป็นหน้าที่ของ กยท. เพราะไม่ใช่ธุรกิจที่เอกชนทำไม่ได้ ไม่ใช่ธุรกิจที่ภาครัฐทำได้ดี ไม่ทำให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม

เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2548 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณา ร่าง พ.ร.บ. การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ในวาระที่ 1 ซึ่งผมเห็นว่าเป็นแนวคิดที่ดีที่บูรณาการการทำงานของหน่วยงานสำคัญด้านยางพาราของประเทศเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ทำธุรกิจเกี่ยวกับยางพารา ซึ่งน่าจะเป็นธุรกิจที่มีการโอนมาจากองค์การสวนยางแห่งประเทศไทย ผมเห็นว่าการทำธุรกิจเกี่ยวกับยางพาราไม่ควรเป็นหน้าที่ของ กยท. เนื่องจาก
 

หนึ่ง…ไม่ใช่ธุรกิจที่เอกชนทำไม่ได้ หากพิจารณาหลักการทางเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับบทบาทของรัฐในระบบเศรษฐกิจ รัฐจะเข้าไปดำเนินการในกิจการที่เอกชนไม่สามารถทำได้หรือไม่ควรทำ อันเนื่องจากเป็นสินค้าสาธารณะและสาธารณูปโภคพื้นฐาน หรือสินค้าที่มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ หรือเป็นธุรกิจที่ต้องใช้การลงทุนสูงมาก หรือเป็นสินค้าที่มีผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมสูงมาก หรือตลาดของสินค้าประเภทนั้นมีปัญหาความล้มเหลวของตลาด แต่ธุรกิจยางพาราไม่ได้มีคุณสมบัติดังที่กล่าวเบื้องต้น

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลต้องการให้ กยท
.ทำธุรกิจเพื่อช่วยเหลือชาวสวนยางที่ยากจน โดยไม่หวังผลกำไรมากนัก ผมคิดว่าไม่ควรเขียนกฎหมายให้ กยท.ทำธุรกิจได้กว้างมากเกินไปเพราะเปิดช่องให้ กยท.แข่งกับเอกชนซึ่งเป็นผลเสียต่ออุตสาหกรรมยางพาราโดยรวม

สอง…ไม่ใช่ธุรกิจที่ภาครัฐทำได้ดี
หากพิจารณาผลการประกอบการขององค์การสวนยางพบว่ามีปัญหาขาดทุนอย่างยาวนาน โดยปี 2543 ขาดทุน 15.10 ล้านบาท ปี 2544 (เม..-..) ขาดทุน 12.31 ล้านบาท ก่อนที่จะมีกำไรในช่วงปี 2545-2547 โดยมีผลกำไรประมาณ 20-30 ล้านบาทต่อปี ด้วยเหตุที่หน่วยงานภาครัฐมักมีประสิทธิภาพด้อยกว่าเอกชน ผมจึงเห็นว่า กยท.ควรนำทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้พัฒนาคุณภาพยาง ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาธุรกิจยางพาราของเอกชนมากกว่าที่จะทำธุรกิจแข่งกับเอกชน

สาม
…ไม่ทำให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม
ร่าง พ...ฉบับนี้ให้อำนาจ กยท.ในการจัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดเพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับยางพารา ซึ่งอาจทำให้ กยท.สามารถใช้อำนาจและสิทธิพิเศษที่ได้รับในฐานะที่เป็นหน่วยงานรัฐ ทำให้ได้เปรียบภาคเอกชน เช่น มาตรา 23 ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแลทั่วไป มาตรา 39 ระบุให้ไม่ต้องนำส่งเงินและทรัพย์สินให้กระทรวงการคลัง และมาตรา 56 ระบุให้รายได้ที่ กยท.ได้รับจากการดำเนินงานให้ตกเป็นของ กยท. เมื่อเป็นเช่นนี้ หาก กยท. ได้รับการสนับสนุนจนกลายเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีอำนาจผูกขาดตลาด และเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นได้ ไม่เท่ากับว่า รัฐบาลนำเงินภาษีของประชาชนมาพัฒนา กยท. เพื่อขายให้เอกชนโดยชุบมือเปิบไปหรือ? 

การจัดตั้ง กยท.อาจช่วยแก้ไขปัญหาการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราที่ผ่านมา ซึ่งขาดการบูรณาการร่วมกัน แต่การที่ร่าง ...การยางแห่งประเทศไทย ซึ่งกำหนดขอบเขตและอำนาจหน้าที่ของ กยท.ไว้มากเกินไป ทำให้ กยท. แทนที่จะเป็นองค์กรของรัฐที่ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจของเอกชน แต่กลับจะทำให้ภาคเอกชนอ่อนแอลง เพราะกลายเป็นคู่แข่งที่มีความได้เปรียบอันเกิดจากกติกาที่ไม่เป็นธรรม