เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
จากมติคณะรัฐมนตรี
8
พฤศจิกายน
2548
ระบุว่า
การถ่ายโอนบุคลากรด้านการศึกษาให้อยู่บนพื้นฐานความสมัครใจ
เมื่อวันที่
5
มิถุนายน
ที่ผ่านมา
คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(กกถ.)
ได้สรุปผลประชุมเรื่อง
การถ่ายโอนสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่อยู่ในบัญชี
2
(คือ
รร.ที่สมัครใจโอนไปสังกัด
อปท.
หลังจากที่
ครม.มีมติให้เพิ่มคำว่าสมัครใจ)
ให้องค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น
(อปท.)
จำนวน
292
แห่ง
จากข้อสรุปดังกล่าว
ล่าสุดเมื่อวันที่
16
มิถุนายน
นายจาตุรนต์
ฉายแสง
รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
(ศธ.)
ระบุว่า
ศธ.จะเสนอคณะรัฐมนตรี
พิจารณาให้สถานศึกษาในบัญชีนี้ถ่ายโอนได้ตามจำนวนที่เหมาะสม
และให้โอนได้มากที่สุดไม่เกิน
2
เท่าที่
ครม.เคยอนุมัติให้
อปท.แต่
ละประเภทรับโอนสถานศึกษาได้จำนวนเท่าใด
รวมทั้งขอสงวนไม่ถ่ายโอนโรงเรียนในฝัน
โรงเรียนตามพระราชดำริ
ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มี
2
ประเด็นด้วยกัน
ประเด็นแรก
การกำหนดให้โอนได้มากที่สุดไม่เกิน
2
เท่าที่
ครม.เคยอนุมัติ
การระบุเช่นนี้ใช้เกณฑ์ใดในการพิจารณาว่าเหตุใดจึงไม่ควรเกิน
2
เท่า
ซึ่งผมเห็นว่า
การระบุจำนวนจำกัดอย่างไม่มีหลักเกณฑ์รองรับ
อาจเป็นการไม่ยุติธรรมสำหรับ
อปท.ในบางพื้นที่ที่
สามารถรับผิดชอบจำนวนโรงเรียนที่มากกว่านี้ตาม
ความสมัครใจ
ได้
จึงคิดว่าไม่ควรระบุจำนวนจำกัด
แต่ควรใช้หลักเกณฑ์หรือมาตรฐานอื่นที่เข้มงวดมากกว่าในการกำหนดเงื่อนไข
และในระยะแรกควรมีหลักเกณฑ์ในการประเมินและการตรวจสอบที่เข้มงวดเพื่อรักษามาตรฐานด้านการศึกษา
ประเด็นที่สอง
การสงวนไม่ถ่ายโอนโรงเรียนในฝัน
และโรงเรียนตามพระราชดำริ
หากต้องการยื้อไว้ให้อยู่ในการดูแลของ
ศธ
ด้วยเกรงว่า
เมื่อโอนไป
อปท.แล้วจะไม่สามารถรักษามาตรฐาน
หรือไม่สามารถสร้างให้เป็นโรงเรียนต้นแบบ
ผมคิดว่า
ศธ.ไม่ควรมีความคิดเช่นนี้
เพราะเท่ากับเป็นการดูแคลนและไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของ
อปท.แต่ควรให้โอกาส
อปท.ในการรักษามาตรฐานและพัฒนาศักยภาพของโรงเรียนเหล่านี้
ให้เป็นโรงเรียนในฝันต้นแบบของ
อปท.
โดยมีการกำหนดมาตรฐานขั้นสูงตามที่ควรจะเป็น
รวมทั้งมีระบบการตรวจสอบและประเมินผลที่เข้มงวดกว่าโรงเรียนทั่วไป
ผมเคยเสนอว่า
หากต้องการให้การถ่ายโอนสถานศึกษามีคุณภาพสูงสุด
ศธ.ควรพัฒนาตัวชี้วัดและประเมินความพร้อมของ
อปท.
เพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการเตรียมความพร้อมของแต่ละท้องถิ่น
โดยจัดทำตัวชี้วัดที่มีอยู่แล้ว
ชุดตัวชี้วัดความพร้อมในการจัดการศึกษาแต่ละระดับ
คือ
การศึกษาปฐมวัย
ประถมศึกษา
มัธยมศึกษา
อาชีวศึกษา
และอุดมศึกษา
ชุดตัวชี้วัดความพร้อมในการจัดการศึกษาสำหรับแต่ละกลุ่มคน
เช่น
การจัดการศึกษาสำหรับคนปกติ
การจัดการศึกษาสำหรับเด็กอัจฉริยะ
การจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ
การจัดการศึกษาสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์
การจัดการศึกษาอิสลาม
นอกจากนี้ควรมีตัวชี้วัดความพร้อมของผู้ปกครอง
ประชาชน
และชุมชนในการสนับสนุนการจัดการศึกษาของ
อปท.
ความเป็นห่วงในความไม่พร้อมของท้องถิ่น
แต่ยังอยู่บนพื้นฐาน
ความสมัครใจ
และการสร้างข้อจำกัดที่ไม่ได้อยู่บนเกณฑ์มาตรฐาน
อาจเป็นการแสดงออกซึ่งความไม่ยุติธรรมในการกระจายอำนาจการศึกษาตามที่ควรจะเป็น
|