จากการประกาศคว่ำบาตรการเลือกตั้งในวันที่ 2
เมษายน 2549 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ซึ่งประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคมหาชน
หลังจากการปฏิเสธของนายกรัฐมนตรีที่จะร่วมลงนามในสัตยาบันที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอ
โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 313
เพื่อให้มีคนกลางมาเป็นผู้ดำเนินการปฏิรูปการเมืองและแก้ไขรัฐธรรมนูญ
คำถามคือ เหตุใดจึงต้องกำหนดให้แก้มาตรา
313
เพื่อให้มีคนกลางเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพราะไม่มีหลักประกันใด ๆ ว่า นายกฯจะทำตามคำมั่นสัญญาหรือไม่
ถึงแม้นายกฯอ้างว่า พรรคไทยรักไทยและพรรคการเมืองอื่น ๆ
ที่มิได้มีสมาชิกอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร
ได้ทำสัญญาประชาคมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังจากการเลือกตั้งในวันที่
2
เม.ย.
2549
แต่เป็นเพียงสัญญาปากเปล่า มิได้มีการลงนามอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
มิได้มีการกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยิ่งไปกว่านั้น ที่ผ่านมา
นายกฯได้ให้คำมั่นสัญญาเป็นจำนวนมาก แต่ได้ละเมิดคำมั่นสัญญาเป็นจำนวนมากเช่นกัน
เพราะนักการเมืองเป็นกลุ่มคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
การที่มาตรา 313 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540
ระบุว่า
ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
หรือจากทั้งสองสภา และการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของทั้งสองสภา
ดังนั้นการให้นักการเมืองมามีส่วนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
จึงไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะเกิดขึ้นนั้น
เป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนหรือนักการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การที่นายกฯได้รับการครหาว่า มีพฤติกรรมในการแทรกแซงและควบคุมรัฐสภา
จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะให้นักการเมืองมามีส่วนแก้รัฐธรรมนูญ
คำถามต่อมา คนกลางควรจะมีที่มาอย่างไร
คนกลางที่จะมาเป็นผู้ดำเนินการปฏิรูปการเมือง
มิควรเป็นผู้ที่มาจากการคัดเลือกหรือการแต่งตั้งของรัฐบาลหรือรัฐสภา
เนื่องจากสถาบันต่าง ๆ เหล่านี้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นกลางและความน่าเชื่อถือ
เหตุเพราะมีความเสี่ยงจากการแทรกแซงและครอบงำจากการเมือง
เช่นเดียวกับข้อสงสัยที่มีต่อองค์กรอิสระต่าง ๆ ในปัจจุบัน
ดังนั้นคนกลางน่าจะมาจากสถาบันที่ประชาชนทั้งประเทศให้ความเคารพและเชื่อถือ
คือการที่พระมหากษัตริย์พระราชทานคนกลางมาให้แก่ปวงชน
เป็นคนกลางที่เป็นอิสระ ไม่ฝักใฝ่กับพรรคการเมืองใด
และเป็นผู้ที่มีความตั้งใจจริงที่จะปฏิรูปการเมือง
โดยไม่มีเจตนาที่จะเอื้อประโยชน์แก่คนกลุ่มใด
การกำหนดเงื่อนไขในการแก้ไขมาตรา
313
ของรัฐธรรมนูญ
จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
และเป็นหลักประกันของการปฏิรูปการเมืองและการได้รัฐธรรมนูญที่เป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง