ปี ค.ศ.1934
เป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำที่สุดของอเมริกา ในปีนั้น นาย
Charles B. Darrow ซึ่งกำลังตกงานอยู่นั้นได้ให้กำเนิดเกมกระดาน
(Board game) ซึ่งเป็นที่แพร่หลายที่สุดเกมหนึ่งของโลก
ซึ่งเขาตั้งชื่อว่า Monopoly game
หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม เกมเศรษฐี
ซึ่งได้แนวคิดบางส่วนมาจากการดำเนินธุรกิจของกลุ่มทุนในอเมริกาในสมัยนั้น
เกมเศรษฐีเป็นเกมที่มีจุดมุ่งหมายคือการเป็นผู้เล่นที่เหลืออยู่คนสุดท้ายในกระดาน
โดยระหว่างการเล่น ผู้เล่นจะต้องซื้อที่ดินเก็บไว้พร้อมทั้งสร้างบ้านและโรงแรม
เพื่อรอให้ผู้เล่นคนอื่นเดินหมากมาตกในที่ดินของตนและเก็บค่าเช่า
ยิ่งมีที่ดินหรือสร้างบ้านหรือโรงแรมมากเท่าไรจะยิ่งเก็บค่าเช่าจากคู่แข่งได้มากเท่านั้น
ดังนั้นผู้เล่นจะต้องซื้อที่ดิน สร้างบ้านและโรงแรมเก็บไว้ให้มากที่สุด เพื่อจะ
รีด
ค่าเช่าจากคู่แข่งจนกระทั่งคู่แข่ง ถังแตก
ในที่สุด เพื่อจะเป็นผู้ชนะของเกม
โดยที่เกมจะมีคนกลางทำหน้าที่เป็นนายธนาคารเพื่อจ่ายเงินแก่ผู้เล่นต่าง ๆ
และควบคุมเกมให้เป็นไปตามกติกา
เวลาผ่านไป
70 ปี ในประเทศไทย
มีผู้ผลิตนวัตกรรมใหม่ที่พัฒนาจากเกมเศรษฐีเดิมมาเป็น เกมเศรษฐีภาคขยาย
(Extended Monopoly game) ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อ ฆ่า
คู่แข่งให้หมดเพื่อเหลือตนเองให้เป็นผู้เล่นรายสุดท้าย
แต่ต่างกันที่กลยุทธ์ของธุรกิจที่พัฒนาไปมาก ทั้งฉลาดขึ้น
แนบเนียนขึ้นและโหดเหี้ยมยิ่งขึ้น
กลยุทธ์ในการเล่นในเกมเศรษฐีภาคขยายนั้น
แทนที่ผู้เล่นจะพยายามครอบครองทรัพย์สินให้มากที่สุดเพื่อรีดค่าเช่าจากคู่แข่งอย่างแต่ก่อน
แต่กลยุทธ์กลับกลายเป็นผู้เล่นสามารถตีคู่แข่งให้แตกพ่ายก่อนแล้วจึงครอบครองทรัพย์สินได้
เนื่องจากเกมเศรษฐีภาคขยายนี้ผู้เล่นสามารถเข้าไปควบตำแหน่ง
นายธนาคาร
เพื่อเปลี่ยนกฎเกณฑ์กติกาได้เอง !!!
เช่น หากต้องการจะทำกำไรในกิจการโรงพยาบาล
ผู้เล่นในฐานะ นายธนาคาร
สามารถที่จะออกนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค
พร้อมให้งบประมาณสนับสนุนอย่างจำกัด
เพื่อให้หมอและโรงพยาบาลของรัฐต้องรักษาคนไข้ด้วยคุณภาพต่ำ
ทำให้ประชาชนที่พอจะมีรายได้แต่ไม่อยากรอคิวเข้า ร.พ.ของรัฐ จึงยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อใช้บริการของโรงพยาบาลเอกชน
ซึ่งผู้เล่นได้เข้าไปซื้อกิจการ (take over)
ไว้แล้วก่อนหน้านั้น
หรือหากต้องการจะครอบครองกิจการสายการบิน
ผู้เล่นในฐานะนายธนาคารสามารถสั่งให้สายการบินประจำชาติปิดเที่ยวบินที่ทำกำไร
และตั้งสายการบินแบบต้นทุนต่ำ (Low cost)
ขึ้นมาให้บริการในเที่ยวบินนั้นแทนได้
ในเกมเศรษฐีแบบเก่า
หากผู้เล่นซื้อที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างไปเรื่อย ๆ จะทำให้หมดเงินที่จะซื้อต่อ
และต้องทอยลูกเต๋าเพื่อเดินให้ครบรอบกระดานเสียก่อนจึงจะสามารถรับเงินเดือนเพื่อนำมาลงทุนในทรัพย์สินอื่นเพิ่มขึ้นได้
แต่เกมเศรษฐีภาคขยายนี้ผู้เล่นไม่จำเป็นทอยลูกเต๋าจนเดินครบรอบ แต่สามารถขายหุ้นที่ถือไว้อยู่แล้วให้แก่บริษัทต่างชาติ
เพื่อแปลงหุ้นเป็นเงินทุนเพื่อรอการลงทุนในกิจการใหม่ ๆ
ที่ทำกำไรมากกว่ากิจการเดิม จึงสามารถระดมเงินได้จำนวนมาก อาจเป็นตัวเลข 100 ล้าน
หรือ 1,000 ล้าน หรืออาจถึง
73,000 ล้านบาท
เนื่องจากผู้เล่นในฐานะนายธนาคารได้แก้กติกาให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นไม่เกินร้อยละ
50 (จากเดิมไม่เกินร้อยละ 25)
ไปเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งภาษีจากการขายหุ้นยังไม่ต้องเสียแม้แต่บาทเดียว
ผมคิดว่า หากปัจจัยอื่น ๆ ยังคงที่
(Ceteris Paribus) เช่น
ไม่มีผู้ใหญ่มาล้มกระดานเพื่อไล่เด็กไปทำการบ้านก่อน
หากผู้เล่นดำเนินการตามกลยุทธ์นี้
เขาอาจสามารถนำเงินที่ได้นี้รุกคืบเข้าไปในกิจการอื่น ๆ
ที่มีอนาคตมากกว่ากิจการเดิมได้ โดยดำเนินกลยุทธ์ดังเดิม และอีกไม่นาน
ผู้เล่นคนนี้อาจสามารถครอบครองทรัพย์สินได้ (เกือบ)
หมดทั้งกระดาน
มิตรสหายที่รัก คงพอจะทราบว่า ใครเป็นผู้คิดเกมนี้ขึ้น
?