เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
จากการที่มีพระราชกฤษฎีกาให้ยุบสภาเมื่อวันที่
24
กุมภาพันธ์
พ.ศ.2549
โดยนายกฯ
ทักษิณ
ชินวัตร
ได้ให้เหตุผลว่า
มีบุคคลกลุ่มหนึ่งที่พยายามสร้างสถานการณ์
เพื่อล้มล้างรัฐบาล
ซึ่งได้ก่อการชุมนุมและพยายามทำให้การชุมนุมขยายตัว
และอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าและก่อความเสียหายแก่ประชาชน
นอกจากนี้ยังมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางพรรค
สมาชิกวุฒิสภาบางคน
ไม่ยึดกติกาของรัฐสภาและแสดงตัวเข้าร่วมกับการชุมนุม
ทำให้ต้องมีการยุบสภา
เพื่อทำให้ความสับสนต่าง
ๆ หมดไป
และเป็นการคืนอำนาจการตัดสินใจแก่ประชาชน
คำแถลงบางส่วนของนายกฯ
ไม่ได้สะท้อนความรับผิดชอบที่นายกฯ
พึงมีต่อประชาชน
และมิใช่แนวทางแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด
เนื่องจากกระแสความไม่พอใจ
เกิดจากการที่นายกฯ
ขาดความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่ง
แต่คำแถลงของนายกฯ
กลับทำให้ตีความได้ว่า
ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มบุคคลอื่นที่พยายามสร้างกระแสกดดันที่ทำให้รัฐบาลต้องลำบากใจ
และอาจนำไปสู่การสร้างความเสียหายแก่ประชาชน
ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
และไม่กล้าลงทุน
คำพูดดังกล่าวจึงเสมือนว่า
นายกฯ
เป็นผู้รับผลจากสิ่งที่ผู้อื่นเป็นผู้สร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้น
นอกจากนี้ยังเป็นการสะท้อนว่า
นายกฯ
ไม่ได้รักษาคำมั่นในการใช้อำนาจยุบสภา
และความมั่นใจที่เคยให้ไว้กับประชาชนก่อนหน้า
ดังเห็นได้จากเมื่อวันที่
18
เมษายน
2548
นายกฯ
ได้กล่าวถึงหลักการเรื่อง
การยุบสภาไว้ว่า
หลักของการยุบสภาก็คือ
สภากับรัฐบาลไม่สามารถทำงานร่วมกันได้
เพราะมีความขัดแย้งกันอย่างสมเกียรติ
นี่คือหลักของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
แต่รัฐบาลพร้อมจะใช้เฉพาะเกิดกรณีขัดแย้งจริงๆ
แต่จะไม่ใช้ในกรณีที่รัฐบาลได้เปรียบ
ซึ่งจะเห็นได้ว่า
การยุบสภาในครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่นายกฯ
กล่าว
รวมถึง
เมื่อวันที่
9
กุมภาพันธ์
2549
ที่ได้กล่าวกับผู้ชุมนุมที่มาให้กำลังใจที่ทำเนียบรัฐบาลว่า
"ตราบใดที่พี่น้องส่วนใหญ่ตามระบอบประชาธิปไตยเดินข้างผม
จะไม่มีลาออก
จะไม่มียุบสภา
คนที่จะมาไล่ผมออกต้องมีคุณค่ามากกว่านี้
คนพวกนี้ไม่มีคุณค่าเลย
เราหวังว่าผู้ที่คัดค้านแบบไม่มีเหตุผล
คงจะฟังเสียงประชาชน
อย่าเห็นแก่ตัวมาก
ต้องฟังประชาชนเสียงส่วนใหญ่
วันนี้ผมไม่มีอะไรที่วิตกกังวลในชีวิตอีกแล้ว
เป็นเรื่องของบ้านเมืองและประชาชนเท่านั้น
คำว่าลาออกไม่มี
คำว่ายุบสภาปีสองปีไม่มี...
แต่เมื่อผ่านไปเพียง
15 วัน
นายกฯ
ประกาศยบุสภา
อย่างไรก็ตามผมเห็นว่า
การยุบสภาไม่ใช่ทางออกที่แท้จริงของปัญหา
เป็นปรากฏการณ์ที่อาจเรียกได้ว่า
เกาไม่ถูกที่คัน
เนื่องจากประชาชนส่วนหนึ่งเห็นว่า
ปัญหาอยู่ที่นายกฯ
ทักษิณ
ที่ขาดความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน
ไม่ใช่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างสภาผู้แทนฯ
กับรัฐบาล
ดังที่นายกฯ
เคยกล่าวอ้างว่าเป็นเหตุผลที่จะนำไปสู่การยุบสภา
ดังนั้นการยุบสภาจึงไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด
ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เพราะตราบใดที่คุณทักษิณยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
แม้พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งครั้งใหม่
และคุณทักษิณกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง
เราอาจจะยังพบว่า
กลุ่มที่ไม่พอใจนายกฯ
จะยังคงดำเนินการขับไล่ต่อไป
และหากเกิดกระแสกดดันในสังคมดังเช่นที่เกิดขึ้นในวันนี้
รูปแบบการแก้ปัญหาจะวนกลับมาที่การยุบสภา
เพื่อลดแรงกดดันอีกครั้ง
และอาจดำเนินเป็นวงจรเช่นนี้เรื่อยไป
และมีความเป็นไปได้ว่า
อาจนำไปสู่การสร้างแรงกดดันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย
ๆ
หรือประชาชนอาจหาทางออกอื่นเพื่อผ่าทางตันแทนรัฐบาลก็เป็นได้
|