เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
วันที่
19
ก.ย.
2549
เป็นวันที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
เมื่อคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ
และได้ประกาศต่อสาธารณชนว่าจะร่างธรรมนูญการปกครองชั่วคราวและสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาบริหารประเทศภายใน
2
สัปดาห์นี้
และจะจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายในระยะเวลา
1
ปี
สังคมการเมืองไทยจะเดินไปในทิศทางไหน
อย่างไร
?
สิ่งสำคัญลำดับแรกนับจากนี้ไป
คือ
การสรรหานายกรัฐมนตรีที่จะเข้ามาบริหารประเทศในระยะเวลาสั้น
ๆ นั้น
ควรที่จะสรรหาและแต่งตั้งบุคคลที่ได้รับการยอมรับนับถือ
กล่าวคือ
จะต้องเป็นคนที่มีคุณธรรมและจริยธรรม
ไม่มีข้อครหาเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน
หรือเคยใช้อำนาจรัฐเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
ขณะเดียวกัน
ต้องเป็นคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ
ซึ่งจำเป็นต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศโดยเฉพาะการประกาศนโยบายการบริหารประเทศ
และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างเร่งด่วน
และรีบทำความเข้าใจกับนานาชาติและนักลงทุนต่างชาติถึงสถานการณ์ในประเทศไทยเพื่อที่จะเรียกความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ตลอดจนการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตและการเคารพตามหลักกติกาสากลอย่างครบถ้วน
ลำดับถัดไปที่สำคัญ
คือการดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการของรัฐที่มีนักการเมืองและพวกพ้องที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะเอาผิดนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชัน
ตามที่ได้ประกาศว่าการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาส่อไปในทุจริต
ประพฤติมิชอบ
และเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องอย่างกว้างขวาง
ซึ่งจะทำให้ข้อกล่าวหาของคณะปฏิรูปการปกครองฯ
มีน้ำหนักและเอาผิดนักการเมืองอย่างแท้จริง
ในส่วนของการคืนอำนาจให้กับประชาชน
โดยเฉพาะการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สามารถเร็วกว่าหนึ่งปีได้
หลังจากนั้นจึงดำเนินจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป
ผมเชื่อว่า
โครงสร้างของรัฐธรรมนูญ
พ.ศ.2540
เป็นสิ่งที่ดี
บางหมวดบางมาตราควรที่จะยังคงไว้หรือแก้ไขปรับปรุงบางส่วนเท่านั้น
ขณะที่บางมาตราควรจะที่ปรับเปลี่ยนซึ่งก็ควรจะมีการศึกษาจากงานวิจัยที่เคยทำมาบ้างแล้วจากสถาบันวิชาการต่าง
ๆ
ขณะเดียวกัน
ควรตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งที่ศึกษาผลการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ
พ.ศ.2540
ในช่วง
9
ปีเศษที่ผ่านมาอย่างเป็นวิชาการและความเป็นจริงกับสังคมไทย
เพื่อเป็นฐานความรู้ระดับหนึ่งควบคู่ไปกับการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
โดยเปิดให้ทุกภาคส่วนของสังคมไทยเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการดังกล่าว
ตั้งแต่
ภาคประชาชน
ภาคธุรกิจ
ภาคราชการ
สื่อมวลชน
นักวิชาการ
นักกฎหมายมหาชน
นักรัฐศาสตร์
เป็นต้น
ถึงตรงนี้แล้ว
ประเทศไทยไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง
ไม่มีอัศวินม้าขาวอีกต่อไป
แต่เป็นของพวกเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันสร้าง
ช่วยกันคิด
ช่วยกันพัฒนา
เพื่อให้ประเทศชาติของเราพัฒนา
และมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
|