นโยบายหาเสียง
โคล้านครอบครัว
ของพรรคไทยรักไทยในช่วงการเลือกตั้งปี 2548
สามารถเรียกคะแนนเสียงจากเกษตรกรทั่วประเทศ หลังจากนั้นรัฐบาลได้ตั้งบริษัทส่งเสริมธุรกิจการเกษตรไทย
(สธท.) หรือที่เรียกกันว่า SPV (Special
Purpose Vehicle) ซึ่งเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ ทำหน้าที่เป็นผู้จัดซื้อและแจกโคให้กับเกษตรกรเพื่อเลี้ยง
โดย SPV จะรับซื้อในราคาที่กำหนดตามอายุและน้ำหนักของโคตามสายพันธุ์
ทั้งนี้รัฐบาลได้ตั้งเป้าว่าในปี 2549
จะอนุมัติงบประมาณ 5 พันล้านบาท มาจัดซื้อโค 5 แสนตัวแจกให้กับเกษตรกร 2.5
แสนครอบครัว ส่วนปี 2550 จะแจกโค 7 แสนตัวให้กับ 3.5 แสนครอบครัว และปี 2551
จะแจกโค 8 แสนตัว ให้กับ 4 แสนครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ผมมีข้อสังเกตเกี่ยวกับความขัดแย้งกันเองในนโยบายของรัฐบาล
โดยโครงการโคล้านครอบครัวนั้นขัดแย้งกับนโยบายการเปิดเสรีทางการค้า
เนื่องจากความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA)
ไทย-ออสเตรเลีย
เกี่ยวกับการเปิดเสรีการนำเข้าโคเนื้อ
จะส่งผลให้ประเทศไทยนำเข้าเนื้อโคคุณภาพดีและราคาถูกจากออสเตรเลียในปริมาณเพิ่มขึ้น
ส่งผลทำให้การเลี้ยงโคเนื้อของไทยต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในอนาคต
ซึ่งเป็นไปได้ยากมากที่การเลี้ยงโคแบบตามมีตามเกิดของเกษตรกรในโครงการโคล้านครอบครัว
จะแข่งขันกับการเลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมของออสเตรเลียได้
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
คือ เกษตรกรที่ทำอาชีพเลี้ยงโคอยู่แล้วอาจจะต้องเลิกอาชีพนี้ไป
ขณะที่เกษตรกรที่เข้าโครงการโคล้านครอบครัวจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะ
SPV จะรับประกันราคารับซื้อโค แต่การที่เนื้อโคราคาถูกจากออสเตรเลียเข้ามาแข่งขัน
จะทำให้ SPV ต้องรับประกันราคารับซื้อสูงกว่าราคาตลาด
ทำให้ SPV ขาดทุน
และผลการขาดทุนจะกลายเป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดินในที่สุด
ผมไม่คิดว่า
ความขัดแย้งเชิงนโยบายเช่นนี้เกิดจากกระบวนการกำหนดนโยบายที่ขาดการปรึกษาหารือหรือบูรณาการร่วมกัน
เพราะกลไกการกำหนดนโยบายสำคัญ ๆ ของรัฐบาลปัจจุบัน
ถูกผูกขาดโดยทีมนักวิชาการของพรรครัฐบาล โดยมีนายกฯเป็นผู้อนุมัติในขั้นสุดท้าย จึงเป็นไปได้ยากที่รัฐบาลและผู้กำหนดนโยบายในซีกของรัฐบาลจะไม่ทราบว่านโยบายดังกล่าวมีความขัดแย้งกัน
ผมเชื่อว่าเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่ออกนโยบายโคล้านครอบครัว
ซึ่งขัดแย้งกับความตกลง FTA
ไทย-ออสเตรเลีย เพราะโครงการนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้พรรครัฐบาลได้รับชัยชนะท่วมท้นจากประชาชนรากหญ้า
ซึ่งแสดงว่ารัฐบาลสนใจคะแนนเสียงมากกว่าประสิทธิผลของโครงการในการแก้ปัญหาความยากจน
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สภาวการณ์เช่นนี้
รัฐบาลจำเป็นต้องรีบเร่งหาคำตอบและแนวทางแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างเร่งด่วน
หากมิฉะนั้นแล้ว เกษตรกรผู้เลี้ยงโคอาจจะต้องล่มสลายเพราะไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศภายใต้ระบบการค้าเสรีได้