จากการที่ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษได้บรรยายพิเศษให้แก่นักเรียนนายร้อยจปร.เมื่อวันที่14กรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยส่วนหนึ่งของการบรรยายได้กล่าวอุปมาเรื่อง
ม้าและจ๊อกกี้
ว่า
“รัฐบาลเหมือนกับจ๊อกกี้
คือเข้ามาดูแลทหาร
แต่ไม่ใช่เจ้าของทหาร
เจ้าของทหารคือชาติและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัฐบาลเข้ามาดูแลตามนโยบายที่ประกาศไว้ต่อรัฐสภา”
หลังจากนั้นได้มีนักจัด
รายการวิทยุท่านหนึ่งได้วิพากษ์วิจารณ์อุปมาดังกล่าวอย่างรุนแรงว่า“ปรัชญาอย่างนี้ไม่เข้าท่า”
ผมเห็นว่า
การวิพากษ์วิจารณ์ของนักจัดรายการวิทยุดังกล่าว
เป็นการตีความเกินจากสิ่งที่ท่านประธานองคมนตรีต้องการสื่อสาร
และมีความพยายามบิดเบือนหลักการที่แท้จริง
หากเราพิจารณาถึงเนื้อหาสาระที่ท่านประธานองคมนตรีได้พูดในวันนั้นพบว่า
ประเด็นสำคัญที่ประธานองคมนตรีต้องการตอกย้ำ
คือ
บทบาทและหน้าที่ของทหารที่พึงมีต่อประเทศชาติ
และพระมหากษัตริย์
ที่ควรยึดผลประโยชน์ของชาติในระยะยาวเป็นหลัก
โดยไม่ยึดที่ตัวบุคคลที่เข้ามากำกับดูแลกิจการ
ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้
ประธานองคมนตรีได้ย้ำถึงสองครั้งว่า
การที่ท่านพูดนั้นไม่ได้เป็นการทำให้ทหารไขว้เขว
หรือรู้สึกไม่ดีต่อรัฐบาล
เพราะแท้จริงแล้วทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีระเบียบแบบแผน
เพียงแต่ต้องแยกแยะ
เข้าใจบทบาทหน้าที่
ความรับผิดชอบของตนอย่างดีที่สุด
แต่การที่นักจัดรายการวิทยุท่านนั้นได้วิพากษ์วิจารณ์กลับเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
ทั้งความไม่เหมาะสมในเชิงฐานะทางสังคมเพราะท่านประธานองคมนตรีเป็นผู้ใหญ่ที่มีคนเคารพนับถือจำนวนมาก
การวิพากษ์วิจารณ์ผู้ใหญ่ต่อสาธารณะด้วยอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวเป็นสิ่งที่ควรระวัง
นอกจากนี้ยังมีความไม่เหมาะสมในเชิงเนื้อหา
เพราะการที่นักจัดรายการวิทยุกล่าวว่า
“ปรัชญาเรื่องจ๊อกกี้กับม้าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เป็นการสอนให้ม้าไม่มีไมตรีกับจ๊อกกี้
หากต้องการไม่ให้ม้ารับใช้ทางการเมืองต้องแก้รัฐธรรมนูญ
เพราะตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมต้องอยู่ในคณะรัฐมนตรี
หากต้องการจะทหารให้เป็นอิสรภาพต้องแก้รัฐธรรมนูญโดยเอารัฐมนตรีกลาโหมออกไป"
คำพูดดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า
นักจัดรายการผู้นี้ฟังความแบบไม่ครบถ้วน
แล้วนำมาตีความตามความคิดของตนเอง
ซึ่งทำให้หลักการที่ท่านประธานองคมนตรีสื่อสารถูกบิดเบือนไป
ยิ่งไปกว่านั้น
การเปรียบเปรยของนักจัดการการวิทยุที่ว่า
“คนเลี้ยงม้าบางคน
เอาม้าลากรถไปขึ้นอันดับเป็นม้าแข่ง
ม้าควรที่จะได้เลื่อนขั้นบางทีไม่ได้เลื่อนก็มี
คนเลี้ยงเป็นผู้จัดสรรโดยที่ม้าไม่มีสิทธิพูด”
ยังเป็นการสะท้อนสิ่งที่อยู่ในใจของนักจัดรายการผู้นี้
ซึ่งมีความพยายามโยงเรื่องราวต่าง
ๆ
ให้เป็นเรื่องของการเมือง
และคำพูดของท่านยังบั่นทอนระบบการบังคับบัญชาอย่างชัดเจน
หากคิดให้ดีจะทำให้เกิดคำถามว่า
คำพูดของนักจัดรายการผู้นี้ต่างหากที่พยายามทำให้ม้าไม่เชื่อฟังคนเลี้ยงม้าใช่หรือไม่
ดังนั้น
ผมเห็นว่านักจัดรายการผู้นี้ควรทบทวนบทบาทของตนเอง
เพราะท่านเองเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งในสังคมที่มีคนรู้จักจำนวนมาก
การพยายามลดทอนความน่าเชื่อถือของผู้มีบารมีมากกว่า
มิได้ทำให้ตนเองมีบารมีมากขึ้นแต่อย่างใด
แต่จะยิ่งทำให้ความน่าเชื่อถือของตนเองตกต่ำลง