เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
FTA
ไทย-นิวซีแลนด์ต้องไม่มุ่งเพียงการค้าและการลงทุนเพียงประเด็นเดียว
เพราะไทยยังเสียเปรียบอยู่มาก
ทางออกคือ
รัฐบาลควรเร่งปรับโครงสร้างไปสู่การผลิตที่แข่งขันได้
และให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่ม
เพื่อไทยจะได้รับประโยชน์จากความรู้
วิทยาการ
ในการจัดการกับสิ่งแวดล้อม
จากการที่ข้อตกลงเขตการค้าเสรี
(FTA)
ไทย-นิวซีแลนด์มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่
1
ก.ค.ที่ผ่านมา
มีเพื่อนบางคนได้ให้ผมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยจากข้อตกลงดังกล่าว
ผมจึงขออนุญาตที่จะแบ่งปันความคิดของผมให้กับเพื่อนทุกท่านได้ทราบด้วย
ในความเห็นของผม ประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการทำ
FTA
กับนิวซีแลนด์ ไม่มากนัก
และจะน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับที่นิวซีแลนด์ได้รับจากไทย
เนื่องจากขนาดการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและนิวซีแลนด์มีมูลค่าไม่มากนัก
ประเทศไทยต้องลดอัตราภาษีนำเข้าโดยเฉลี่ยมากกว่าที่นิวซีแลนด์ลดภาษีให้กับไทย
รวมทั้งไทยยังต้องลดการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งมีมากกว่านิวซีแลนด์
นอกจากนี้การที่ไทยมีประชากรมากกว่านิวซีแลนด์จะส่งผลให้ไทยได้รับประโยชน์จากการขยายตลาดส่งออกได้น้อยกว่านิวซีแลนด์
การทำ FTA
ที่ไทยต้องเปิดตลาดสินค้าเกษตรบางรายการซึ่งนิวซีแลนด์มีศักยภาพในการผลิตสูง
และเป็นรายการอ่อนไหวของไทย โดยเฉพาะเนื้อวัว นมและผลิตภัณฑ์นม
ประกอบกับผลการทำ FTA
กับออสเตรเลีย
ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคต้องแข่งขันกับคู่แข่งที่มีศักยภาพสูงทั้งจากออสเตรเลียและจากนิวซีแลนด์
ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคได้รับผลกระทบอย่างมาก
ดังนั้นหากไม่มีโอกาสในการพัฒนาให้แข่งขันได้แล้ว
รัฐควรเตรียมการโยกย้ายผู้เลี้ยงโคเนื้อและโคนม
ไปสู่การผลิตสินค้าอื่นที่มีความสามารถในการแข่งขันมากกว่าเสียแต่เนิ่น ๆ
อย่างไรก็ตาม
การทำ FTA
โดยมุ่งเน้นแต่เรื่องการค้าและการลงทุนอาจทำให้ไทยไม่ได้ประโยชน์มากนัก ดังนั้นรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้านอื่น
ๆ ในประเด็นที่ประเทศไทยจะเป็นประโยชน์อย่างมากนั่นคือ
ความร่วมมือในด้านสิ่งแวดล้อม
เหตุผลคือ
นิวซีแลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิงแวดล้อมมาก
รัฐบาลของนิวซีแลนด์ตระหนักว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาระดับนานาประเทศ
สามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้ ดังเห็นได้จากพระราชบัญญัติการจัดการทรัพยากร
(Resource Management Act)
ที่บังคับใช้ในปี
1991
ซึ่งนับว่าเป็นกฎหมายฉบับแรกของโลกที่จัดการเกี่ยวกับปัญหาทรัพยากร
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้นิวซีแลนด์ ยังมียุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม
ได้แก่
การพัฒนาที่ยั่งยืน เกิดจากการผสมผสานระหว่างการค้าและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้
นิวซีแลนด์ยังมีบทบาทอย่างแข็งขันในเวทีการประชุมระดับนานาชาติที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย
ดังนั้นการที่ไทยสร้างความร่วมมือกับนิวซีแลนด์ในธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม
น่าจะเป็นผลดีต่อประเทศ ที่สามารถอาศัยความรู้ วิทยาการ
ในการจัดการกับสิ่งแวดล้อมของนิวซีแลนด์
เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของไทยที่เป็นผลมาจากการพัฒนาประเทศไทยตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ผ่านมา
ที่ทำให้ทรัพยากรในประเทศและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลงมาก
ซึ่งปัจจุบันปัญหาดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญมากขึ้น
|