เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ผมได้มีโอกาสร่วมเสนอความคิดเห็นในแง่มุมต่าง
ๆ
ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญ
พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ
2
แห่ง
ประเด็นหนึ่งที่ผมให้ความสนใจและได้เสนอในที่ประชุมคือ
การให้มหาวิทยาลัย
พัฒนาตามความรอบรู้
และความชำนาญของมหาวิทยาลัย
กล่าวคือ การให้แต่ละมหาวิทยาลัย ได้ค้นหาจุดแกร่ง
ความเชี่ยวชาญเจาะจงของแต่ละมหาวิทยาลัย และให้น้ำหนักทุ่มเททรัพยากร
ที่มีอยู่เพื่อพัฒนา ต่อยอดความรู้ในด้านนั้น ๆ จนเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการ
และขยายขอบเขตไปในระดับนานาชาติได้ อันจะมีส่วนสนับสนุนการผลิตกำลังคน
และองค์ความรู้ในจุดแกร่ง ที่จะมีส่วนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้
แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะทิ้งคณะอื่น ๆ ที่ไม่ใช่จุดแกร่งไป แต่ยังคงไว้
เพื่อให้เป็นทางเลือกที่หลากหลายแก่ผู้เรียน
สำหรับเหตุผลที่ผมเห็นว่ามีความจำเป็นและสำคัญ
ที่มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐจะต้องค้นหาจุดแกร่ง และพัฒนาตามความรอบรู้
และความชำนาญของแต่ละมหาวิทยาลัยนั้นมี 3 เหตุผลด้วยกันคือ
เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นที่ทราบกันดีว่า มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มีความจำกัดในด้านงบประมาณ
ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ดังนั้นการให้มหาวิทยาลัยมุ่งพัฒนาจุดแกร่งนั้น
จะทำให้แต่ละมหาวิทยาลัยมีทิศทาง เป้าหมายที่ชัดเจน
ในการใช้ทรัพยากรที่ในการพัฒนาการจัดการศึกษาในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างเจาะจง
ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
เพื่อยกระดับคุณภาพของผู้สำเร็จการศึกษา
การที่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ
แข่งขันกันเปิดสาขาที่ผู้เรียนให้ความนิยม
แม้มิได้เป็นความแข็งแกร่งของมหาวิทยาลัยนั้นเลย
ส่งผลทำให้มีผู้จบการศึกษาในบางสาขามากเกินความต้องการของตลาดแรงงาน
และยังเป็นผลผลิตที่คุณภาพต่ำอีกด้วย ในทางตรงกันข้าม
การที่มหาวิทยาลัยเน้นการพัฒนาตามจุดแข็งของตนเองจนมีความโดดเด่น
จะส่งผลทำให้คุณภาพของผู้สำเร็จการศึกษาในสาขาดังกล่าวเพิ่มขึ้น
และทำให้รัฐบาลสามารถควบคุมปริมาณการผลิตกำลังคนได้ง่ายขึ้น
โดยผ่านกลไกการจัดสรรงบประมาณอย่างเจาะจงไปยังสาขาที่เป็นจุดแกร่งของแต่ละมหาวิทยาลัย
เพื่อสร้าง
ความสามารถในการแข่งขัน
และสร้าง
จุดขาย
ให้แก่มหาวิทยาลัย
การพยายามทำให้แต่ละมหาวิทยาลัยมีจุดแกร่งแต่ละด้านที่แตกต่างกัน
เป็นการเตรียมความพร้อมของมหาวิทยาลัยให้แข่งขันได้ในอนาคต
โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยต้องเปิดเสรีทางการศึกษา
ตามข้อตกลงเขตการค้าเสรี
(FTA)
นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างจุดขายที่สามารถดึงดูดนักเรียนต่างชาติ
ให้เข้ามาศึกษาต่อเพิ่มขึ้น
ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ประเทศมากขึ้น
แนวทางดังกล่าว
เป็นแนวทางที่จะขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ขับเคลื่อนไปในทิศทางใหม่
ที่ไม่เพียงส่งผลดีต่อการพัฒนาคุณภาพการอุดมศึกษาไทยเท่านั้น
แต่ยังเป็นการปูทางสู่อนาคตข้างหน้า ที่จะทำให้การอุดมศึกษาของไทยได้เปรียบ
ในการเปิดเสรีทางการศึกษากับนานาประเทศอีกด้วย
|