เมื่อวันที่
20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ผมได้จัดแถลงข่าว เรื่อง การตีความสัญชาติชินคอร์ป
โดยผมได้ตั้งข้อสังเกตถึงมาตรฐานที่แตกต่างกันของหน่วยราชการและองค์กรที่เกี่ยวข้อง
ในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการถือหุ้นของคนต่างด้าว
เพราะการตีความเกี่ยวกับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทไทยแอร์
เอเชียจำกัด น่าจะส่งผลกระทบต่อการถือหุ้นของชินคอร์ปในเอไอเอส ไอทีวี และชินแซทด้วย
ผมมีคำถามว่า
ชินคอร์ปฯเป็นนิติบุคคลสัญชาติใดกันแน่
สัญชาติไทยหรือต่างด้าว? เพราะหากพิจารณาจากสัญชาติของผู้ถือหุ้นใหญ่ในชินคอร์ปฯ
บริษัทนี้จะมีสัญชาติไทย เพราะมีผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยอย่างน้อย 54%
แต่หากพิจารณาจากแหล่งที่มาของเงินที่มาซื้อหุ้นในชินคอร์ป
บริษัทนี้จะมีสัญชาติต่างด้าว เพราะเงินที่นำมาซื้อหุ้นชินคอร์ปเป็นเงินของคนต่างด้าวอย่างน้อย
60.16%
คำถามต่อมา หากชินคอร์ปฯมีสัญชาติไทย
เหตุใดอธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศจึงยืนยันว่า
แอร์ เอเชียก่อนเปลี่ยนโครงสร้างการถือหุ้นนั้น
เป็นสายการบินที่ถือหุ้นโดยชาวต่างชาติทั้งหมด ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายตาม
พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
พ.ศ.2542
อีกทั้งผิดหลักเกณฑ์คุณสมบัติการขอใบอนุญาตเดินอากาศสำหรับการบินพาณิชย์ด้วย
เพราะกฎหมายการเดินอากาศระบุว่า
สายการบินสัญชาติไทยจะต้องมีสัดส่วนการถือหุ้นโดยชาวไทยไม่น้อยกว่า 51%
และต่างชาติไม่เกิน 49%
จนกลายเป็นที่มาของการลดสัดส่วนการถือหุ้นของชินคอร์ปในแอร์เอเชีย
และหากบริษัท
ชินคอร์ปฯ เชื่อว่าตนเองมีสัญชาติไทย
เหตุใดจึงต้องยินยอมลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทไทยแอร์
เอเชียจำกัดลง จากเดิมที่บริษัทเออินเตอร์เนชั่นแนลจำกัดหรือสายการบินแอร์เอเซียของประเทศมาเลเซียถือหุ้น
49% นายทัศพล แบเวเว็ลด์ ถือหุ้น 1% และชินคอร์ปฯถือหุ้น 50%
เปลี่ยนเป็นการตั้งบริษัทเอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด เข้ามาขัดตาทัพถือหุ้น 50% แทนชินคอร์ปฯ
โดยที่บริษัทเอเชีย เอวิเอชั่นจำกัดมีนายสิทธิชัย วีระธรรมนูญถือหุ้น 51%
และชินคอร์ปถือหุ้น 49%
คำถามสุดท้าย กรณีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของแอร์เอเชีย
จะถือเป็นบรรทัดฐานในการบังคับใช้กฎหมายประกอบธุรกิจต่างด้าวของหน่วยงานราชการอื่น
ๆ ด้วยหรือไม่ ทั้งนี้หากตีความว่าบริษัทชินคอร์ปเป็นนิติบุคคลต่างด้าว
เหมือนกับกรณีบริษัทไทยแอร์
เอเชียจำกัด แสดงว่าการที่บริษัทชินคอร์ปฯ ถือหุ้นในไอทีวี 53% ในชินแซท 51.38%
และในเอไอเอส 42.86% เมื่อบวกกับสิงห์เทลถือหุ้นในเอไอเอสอีก 19.26% รวมเป็น
62.12% น่าจะเป็นการถือหุ้นเกินสัดส่วนที่ชาวต่างชาติจะถือหุ้นได้ ตาม
พ.ร.บ.การประกอบกิจการของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
ผมจึงฝากเรียนถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า
จะดำเนินการอย่างไร และจะดำเนินการเมื่อใด กับกรณีไอทีวี
ชินแซท และเอไอเอส รวมทั้งบริษัทอื่น ๆ
ที่มีโครงสร้างการถือหุ้นในลักษณะเช่นเดียวกับบริษัทเหล่านี้
และกรุณาใช้มาตรฐานเดียวกันในการตีความเกี่ยวกับสัญชาติของนิติบุคคลด้วย