เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
เมื่อวันที่
12-13
ก.ย.ที่ผ่านมา
ผมได้เดินทางไปบรรยายในการประชุมประจำปี
ครั้งที่
8
ของเครือข่ายเสรีภาพทางเศรษฐกิจในเอเชีย
(The
Economic
Freedom
Network
Asia)
ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
ประเทศมาเลเซีย
ซึ่งหัวข้อของการประชุมครั้งนี้คือ
“Preferential
Trade
Agreement:
Local
solutions
for
global
free
trade?”
และหัวข้อที่ผมร่วมบรรยาย
คือ
“เขตการค้าเสรีเอเชียตะวันออก”
(East
Asian
Free
Trade
Area)
เป้าหมายเดิมของการเปิดเสรีในเอเชียตะวันออกประกอบด้วยสมาชิก
13
ประเทศหรืออาเซียนบวก
3
(ASEAN+3)
ซึ่งได้แก่อาเซียน
10
ประเทศรวมกับจีน
ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
แต่ผมมีข้อเสนออื่นๆ
ที่ต้องการให้ขยายความร่วมมือให้ครอบคลุมมากกว่าเดิม
ให้กว้างกว่าอาเซียนบวก
3
หากย้อนกลับไปเมื่อปี
2545
ผมได้เคยเสนออย่างน้อยให้รวมอินเดียเข้าในกลุ่มนี้ด้วย
โดยเขียนเป็นบทความเรื่อง
“ผนึกกำลัง
อาเซียน+4:
ยุทธศาสตร์ใหม่ในเอเชีย”
เนื่องจากอินเดียมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง
และมีความสนใจที่จะขยายความสัมพันธ์ทางการค้ากับเอเชียตะวันออก
ตามนโยบาย
“มองตะวันออก”
(Look
East)
ของรัฐบาลอินเดีย
การรวมอินเดียน่าจะทำให้กลุ่มนี้เกิดความสมดุลทางอำนาจ
เพราะอินเดียน่าจะสามารถเป็นตัวกลางในการคานอำนาจและประสานระหว่างจีนและญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์ที่บาดหมางกันได้
อย่างไรก็ตาม
เมื่อพิจารณาในระยะยาวมากขึ้น
ผมจึงเสนอให้ขยายขอบเขตกว้างออกไปอีก
โดยให้รวมออสเตรเลีย
นิวซีแลนด์
ไต้หวัน
และฮ่องกงเข้ามาในกลุ่มนี้ด้วย
รวมเป็น
“อาเซียนบวก
8”
เนื่องจากเขตเศรษฐกิจทั้ง
4
(เหตุที่เรียกว่า
“เขตเศรษฐกิจ”
เพราะฮ่องกงไม่ใช่ประเทศ
และในบางกรณี
ไต้หวันไม่ถูกนับเป็นประเทศ)
ล้วนมีศักยภาพทางเศรษฐกิจและมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับเอเชียสูงมาก
ยิ่งไปกว่านั้น
ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ยังไม่ต้องการถูกโดดเดี่ยว
จึงพยายามหยิบยื่นความสัมพันธ์ให้กับเอเชียมาตลอด
อีกประเด็นหนึ่งที่ประชุมดังกล่าวให้ความสนใจและมีข้อถกเถียงกันมาก
คือ
เส้นทางการเปิดเสรีของกลุ่มเศรษฐกิจนี้
โดยมีผู้เสนอไว้
2
เส้นทางหลัก
ๆ คือ
การรวมกับอาเซียนครั้งละประเทศ/เขตเศรษฐกิจ
แล้วจึงรวมกันทั้งหมดในที่สุด
อีกเส้นทางหนึ่งคือ
การรวมกันของประเทศ/เขตเศรษฐกิจอื่น
ๆ
นอกอาเซียนก่อน
แล้วจึงนำมารวมกับอาเซียนอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งเส้นทางนี้ยังแบ่งเป็นเส้นทางย่อย
ๆ ได้แก่
จีนรวมกับเกาหลีก่อนแล้วจึงรวมกับญี่ปุ่น
หรือญี่ปุ่นรวมกับเกาหลีก่อนแล้วจึงรวมกับจีน
สำหรับประเด็นนี้
ผมได้เสนอให้รวมตัวกับอาเซียนคราวละประเทศ/เขตเศรษฐกิจ
เพราะจะทำให้การเจรจาเป็นไปได้โดยง่ายไม่ซับซ้อนและไม่ยืดเยื้อเหมือนกับการเจรจาพหุภาคีขององค์การการค้าโลก
ส่วนเส้นทางการรวมตัวของประเทศ/เขตเศรษฐกิจอื่น
ๆ
ก่อนแล้วจึงมารวมกับอาเซียนอาจล่าช้าและมีปัญหามาก
เพราะยังไม่มีสถาบันที่ทำหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างประเทศเหมือนอย่างอาเซียน
และประเทศต่าง
ๆ
ยังมีความหวาดระแวงญี่ปุ่น
และมีท่าทีต้องการแข่งขันกันเองเพื่อมีอิทธิพลต่ออาเซียน
นอกจากนี้
การรวมตัวระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นมีลักษณะเป็น
“Stumbling
bloc”
กล่าวคือมีแนวโน้มทำให้ไม่เกิดการพัฒนาไปสู่การเปิดเสรีกับประเทศอื่น
ๆ
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับขอบเขตและเส้นทางการเปิดเสรีของเอเชียตะวันออกนับเป็นข้อคิดที่ดีสำหรับประเทศไทย
เพราะที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการเร่งเจรจาเพื่อจัดทำเขตการค้าเสรีกับประเทศต่าง
ๆ
เป็นจำนวนมาก
แต่ยังไม่เห็นเหตุผลและการจัดลำดับที่ชัดเจนว่า
มีการกำหนดเส้นทางการเปิดเสรีกับประเทศใดก่อนหลังอย่างไร
และมีการกำหนดยุทธศาสตร์การเปิดเสรีแบบทวิภาคีสัมพันธ์กับเขตการค้าเสรีในภูมิภาคอย่างไร
|