เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
จากคำพูดของรักษาการนายกรัฐมนตรี
ในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี
(ครม.)
ที่กล่าวว่า
“ในช่วงที่เป็นรัฐบาลรักษาการจะดำเนินการอะไรก็ลำบาก
ดังนั้น
สิ่งที่จะช่วยสร้างความเชื่อมันทางเศรษฐกิจไทย
คือ
ต้องมีรัฐบาลเต็มตัว
เพื่อที่จะสามารถออกนโยบายใหม่ๆ
ได้”
สะท้อนให้เห็นว่าคนในรัฐบาลมองเพียงแต่ความจำกัด
ไม่พยายามทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด
แม้ว่าที่ผ่านมา
ประชาชนและนักธุรกิจขาดความเชื่อมั่น
เพราะราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นและสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง
แต่ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากรัฐบาลรักษาการเอง
ที่ไม่พยายามดำเนินการอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเพียงพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นได้
แต่คนในรัฐบาลกลับพยายามใช้กลยุทธ์ต่าง
ๆ
ตอบโต้รายวันต่อฝ่ายตรงข้าม
เพื่อเอาชนะคะคานทางการเมือง
หรือส่งสัญญาณแง่ลบเกินความเป็นจริง
โดยหวังเพียงเพื่อให้ประชาชนเห็นด้วยกับการจัดการเลือกตั้งในเดือนตุลาคม
ซึ่งการกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้บรรยากาศทางการเมืองยิ่งแย่ลงอีก
ผมเห็นว่า เมื่อรัฐบาลรักษาการทราบว่า
ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการเมืองอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ
และรัฐบาลยังต้องรักษาการอีกเป็นเวลานาน
รัฐบาลควรเร่งออกมาตรการบางประการภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลรักษาการพึงกระทำ
มากกว่าการพยายามสร้างเงื่อนไขว่ารอให้มีรัฐบาลเต็มตัว
การพูดในลักษณะดังกล่าวเป็นเหมือนการแตะถ่วงความรับผิดชอบออกไปในอนาคต
แทนที่จะพยายามหาวิธีการในการแก้ปัญหาเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา
ผมเสนอว่า
ปัญหาทางเศรษฐกิจที่ควรเร่งแก้ไข
คือ
ปัญหาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
ซึ่งสร้างภาระให้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภคอย่างมาก
และปัญหาการถอนการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ
รัฐบาลต้องเร่งออกมาตรการที่ชัดเจน
มีเสถียรภาพในเชิงนโยบาย
ไม่กลับไปกลับมา
ในนโยบายที่รัฐบาลรักษาการสามารถดำเนินการได้
อาทิ
รัฐบาลจะลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันหรือไม่
จะดำเนินการอย่างไรกับการนำเข้าน้ำมันแอลทานอล
รวมถึงนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับพลังงานทางเลือกจะเป็นอย่างไร
ฯลฯ
หากคนในรัฐบาลคิดว่าตนเป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ
แล้วทำอะไรไม่ได้
หรือไม่พยายามทำอะไรเลย
ผมคิดว่าควรลาออกไปเสียดีกว่า
เพราะการไม่มีรัฐบาลอาจจะดีกว่าการมีรัฐบาลรักษาการที่ไม่ทำอะไร
แต่มัวแต่เล่นการเมือง
ทั้ง ๆ
ที่บ้านเมืองกำลังย่ำแย่ |