จี้
ก.ล.ต.ตรวจสอบ พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีไม่รายงานการขายหุ้นชินคอร์ปในบริษัทแอมเพิลริช
เช่นเดียวกับที่ ก.ล.ต.กำลังตรวจสอบเพื่อเอาผิดนายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา
ชินวัตร
จากการตรวจสอบเอกสารจากสำนักงาน ก.ล.ต.
เกี่ยวกับรายงานการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์ (รายงาน 246-2) ของท่านนายกฯ
และคุณหญิงพจมาน ผมพบว่าได้มีการรายงาน 246-2 ฉบับสุดท้ายเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2543
ซึ่งมีการแก้ไขหลายครั้ง เพื่อรายงานว่านายกฯ ยังเหลือหุ้นชินคอร์ป 11.21%
ใน บ.แอมเพิลริช แต่จากนั้นไม่ปรากฏการรายงาน 246-2 อีกเลย
รวมถึงการขายหุ้นชินคอร์ปใน บ.แอมเพิลริช ไปให้บุตรชาย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 43 ด้วย
ผมจึงขอให้ ก.ล.ต. ตรวจสอบเพื่อเอาผิดกับท่านนายกฯ ในกรณีที่เป็นผู้ขายหุ้นชินคอร์ปฯ
ในบริษัทแอมเพิลริชให้กับนายพานทองแท้ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2543
กรณีดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายความผิดตาม ม. 246 ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
เนื่องจากไม่รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือครองหุ้นทุก 5%
ทั้ง ๆ ที่กฎหมายระบุว่า จะต้องรายงานทั้งด้านผู้ซื้อและผู้ขาย
และจะต้องรายงานทุกครั้ง ภายในวันทำการถัดจากวันที่ได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์
ซึ่งความผิดในกรณีนี้มีโทษปรับ 5 แสนบาท หรือวันละ 10,000 บาท หากคำนวณค่าปรับวันละ
10,000 บาท ท่านนายกฯอาจต้องเสียค่าปรับประมาณ 19 ล้านบาท
ส่วนเอกสารที่ ดร. สุวรรณ กล่าวอ้างว่า
ได้แจ้งเป็นหนังสือไปยัง ก.ล.ต. เกี่ยวกับการขายหุ้นของนายกฯใน บ.แอมเพิลริช
ให้บุตรชายทั้ง 100% นั้น จากคำแถลงของนายธีระชัย เลขาธิการ ก.ล.ต. ได้ระบุว่า
การส่งเอกสารดังกล่าวของ บ.แอมเพิลริช ยังไม่ถือเป็นการรายงานการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์
(แบบฟอร์ม 246-2) ตาม ม.246 พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ผมเห็นว่า ก.ล.ต.
ควรเร่งตรวจสอบว่า นายกฯ ได้รายงานการจำหน่ายหุ้นชินคอร์ปฯ ใน บ.แอมเพิลริชให้กับนายพานทองแท้หรือไม่
หากไม่มีการรายงานตามแบบฟอร์ม 246-2 ก.ล.ต.ควรดำเนินการเอาผิดกับนายกฯ
และนายกฯ ควรแสดงสปิริต กล้าที่จะยอมรับผิด มิใช่ให้ภรรยาและลูกรับผิดแทนมาโดยตลอด
นอกจากนี้ ก.ล.ต.
ควรเข้มงวดกับการรายงานการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์
(แบบฟอร์ม 246-2) เพราะจากการตรวจสอบล่าสุด
(30 ม.ค.49)
พบว่า บ.ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด
ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นชินคอร์ป จาก 38.62% เหลือ
33.62% และบ.แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด
เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นชินคอร์ปจาก 10.97% เป็น
15.97% แต่กลับไม่พบการรายงาน 246-2 ของบ.ซีดาร์
และ บ.แอสเพน แต่อย่างใด