เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
การปรับสูตรคำนวณเอฟที
(Ft) ไม่ทำให้ กฟผ.
แบกรับความเสี่ยงอย่างแท้จริง เพราะมีกลไกปกป้องผลประโยชน์ของตน
แต่ประชาชนต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้น
เพราะกลไกคืนกำไรผู้บริโภคได้ถูกทำลายแล้ว
ผมเห็นว่า การปรับสูตรคำนวณค่าเอฟทีในครั้งนี้สำคัญกว่าครั้งใด ๆ
เพราะมีผลต่อความชอบธรรมของการแปรรูป กฟผ.
และมีผลต่อค่าไฟฟ้าในระยะยาว
ประชาชนจึงควรได้รับความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
สูตรคำนวณค่าไฟฟ้าที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ประกอบด้วย 2
องค์ประกอบหลัก
คือ ค่าไฟฟ้าฐาน คำนวณจากค่าใช้จ่ายลงทุนก่อสร้างระบบการไฟฟ้า
ภายใต้สมมติฐานความต้องการใช้ไฟฟ้า ราคาเชื้อเพลิง อัตราแลกเปลี่ยน อัตราเงินเฟ้อ
และการปรับปรุงประสิทธิภาพของกิจการไฟฟ้า และค่าเอฟที
เป็นส่วนของค่าไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไปจากสมมติฐานที่ตั้งไว้ โดยคำนวณจากปัจจัย
4 ประการหลัก ๆ คือ
การเปลี่ยนแปลงของค่าเชื้อเพลิง อัตราแลกเปลี่ยน อัตราเงินเฟ้อ และรายได้ โดยทั้ง 4
ตัวเทียบกับตัวเลขประมาณการในปี 2543
สูตรนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของปัจจัยต่าง
ๆ และควบคุมค่าไฟฟ้า ไม่ให้ผู้บริโภคต้องรับภาระมากเกินไป
เป็นกลไกคืนกำไรแก่ผู้บริโภค กรณีที่ กฟผ.
มีกำไรสูงกว่าที่ควรจะเป็น
แต่ตั้งแต่วันที่
1 ต.ค.
48 สูตรคำนวณค่าเอฟทีจะเหลือเพียงการเปลี่ยนแปลงค่าเชื้อเพลิงเทียบกับค่าเชื้อเพลิงเฉลี่ยของเดือน
มิ.ย.-ก.ย.
2548 รวมกับค่าเอฟทีปัจจุบัน
ซึ่งอยู่ที่
0.4683
บาทต่อหน่วย สูตรใหม่นี้
ทำให้ กฟผ. ต้องจัดการความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน อัตราเงินเฟ้อ
และการที่รายได้ต่ำกว่าแผน
ในขณะเดียวกัน ได้ทำให้กลไกการคืนกำไรกลับสู่ผู้ใช้ไฟฟ้าหายไปด้วย
เมื่อพิจารณาอย่างเป็นกลางจะพบว่า กฟผ.
น่าจะได้รับผลกำไรมากขึ้น เนื่องจาก
1.การปรับสูตรค่าไฟฟ้าเกิดขึ้นในภาวะที่อัตราเงินเฟ้อค่อนข้างสูง
ทำให้เมื่อค่าเงินเฟ้อลด
กฟผ.จะ
มีค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่ำกว่าประมาณการ และมีกำไรมากขึ้น
แต่กำไรในส่วนดังกล่าวจะไม่ได้คืนมาสู่ผู้ใช้ไฟฟ้า
2.การให้อำนาจผูกขาดแก่
กฟผ.
ทำให้สามารถมีกำไรได้มากขึ้นในอนาคต
โดยหลังจากการ
กระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ กฟผ.
ยังเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่
และได้รับการคุ้มครองจากเงื่อนไขการได้รับสัมปทาน 50 %
ของการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ซึ่ง
กฟผ.
จะผูกขาดความเป็นรายใหญ่ต่อไปได้อีกนาน
3.การที่คณะอนุกรรมการกำกับสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ
ซึ่งมีอำนาจในการปรับสูตรคำนวณค่าเอฟทีนั้น
ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจถึง 2 ใน 3 เป็นเครื่องยืนยันว่า
รัฐบาลจะแทรกแซงเพื่อให้ กฟผ.
มีกำไรอย่างแน่นอน
เพราะหากเกิดสถานการณ์ที่ กฟผ.ต้องขาดทุน
การเปลี่ยนแปลงสูตรการคำนวณค่าเอฟทีจะเกิดขึ้นอีก เพื่อปกป้องกำไรของ กฟผ.
แม้การเปลี่ยนแปลงสูตรคำนวณค่าเอฟที มีเหตุผลเพื่อให้ กฟผ.
รับความเสี่ยงด้านต้นทุนมากขึ้น
แต่รัฐบาลได้สร้างเงื่อนไขในการรักษาการผูกขาดไว้กับ กฟผ.
และการกำหนดสูตรคำนวณค่าไฟฟ้าไว้กับตนเองแล้ว ผู้ที่จะต้องรับความเสี่ยงมากขึ้น คือ
ประชาชน เพราะกลไกคืนกำไรของกิจการไฟฟ้าสู่ผู้ใช้ไฟฟ้าได้ถูกทำลายลงแล้ว
|