เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
ในโอกาสที่สมาคมไทยออสเตรเลียนในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร
ครบรอบ
50 ปี
จึงมีโครงการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
ผู้ทรงเป็นองค์ราชูปถัมภก
โดยจัดทำหนังสือพระราชประวัติ
และไดอารีที่ระลึกในโอกาสที่สมาคมครบรอบ
50 ปี
ขึ้น
พร้อมกับจัดทำคู่มือสมาชิกฉบับครบรอบ
50
ปีขึ้น
ผมในฐานะนายกสมาคมกิตติมศักดิ์
จึงขอถือโอกาสนี้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและออสเตรเลีย
ที่มีมาอย่างยาวนาน
และแนวทางการสานสัมพันธ์ในอนาคต
ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศร่วมกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างไทย
ออสเตรเลียนับเป็นการเปิดประตูสู่ความร่วมมือในหลายด้านไม่ว่าจะเป็น
การแลกเปลี่ยนเยี่ยมเยือนระหว่างกันทั้งในระดับราชวงศ์
ผู้นำประเทศ
ความร่วมมือด้านการทหาร
ความร่วมมือด้านวิชาการและความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา
และความร่วมมือทางการค้า
การลงทุนระหว่างกัน
ทำให้ทั้งสองประเทศเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน
ก่อเกิดความเข้าใจและการพัฒนาประเทศในด้านต่าง
ๆ
ร่วมกัน
ในอนาคตข้างหน้าผมเห็นว่า
เราควรสร้างความร่วมมือในมิติที่หลากหลายมากขึ้น
เพื่อนำไปสู่การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่สามารถนำไปพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
โดยการผสมผสานจุดแข็งของแต่ละประเทศและแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างกัน
รวมถึงการใช้ประโยชน์ร่วมกันจากความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างไทยและออสเตรเลีย
ผมเห็นช่องทางในการสานต่อความร่วมมือในด้านต่าง
ๆ อาทิ
การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อขยายตลาดสินค้า
อาทิ
การนำจุดแข็งของออสเตรเลียในเรื่องความก้าวหน้าในด้านวิชาการเกษตร
ในขณะที่สินค้าการเกษตรเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยยังต้องพัฒนาคุณภาพสินค้าเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ
ความร่วมมือที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตคือ
การเชิญผู้เชี่ยวชาญจากออสเตรเลียเข้ามาร่วมวางระบบรับประกันคุณภาพสินค้าเกษตรของไทย
ตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูก
การเก็บเกี่ยว
และการเก็บรักษาพืชผล
การตรวจสอบคุณภาพสินค้า
เพื่อทำให้ออสเตรเลียและอีกหลายประเทศมั่นใจได้ว่าผลผลิตทางการเกษตรของไทยได้มาตรฐานสากล
และยินยอมให้ส่งออกไปยังประเทศเหล่านั้นได้
ซึ่งจะเป็นการลดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่อง
ความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างไทยและออสเตรเลีย
หรือ
TFTA
ที่อาจส่งผลกระทบด้านลบต่อผู้ประกอบการ
และเกษตรกรไทยบางส่วน
โดยเฉพาะผลผลิตของเกษตรกรระดับรากหญ้า
เช่น พืช
ผลิตภัณฑ์จากพืช
ชา กาแฟ
ผลิตภัณฑ์จากนม
เป็นต้น
นับว่าเป็นวิธีการเปลี่ยนการแข่งขันให้เป็นความร่วมมือกันเพื่อการพัฒนา
การขยายตลาดการท่องเที่ยว
ธุรกิจบันเทิง
จุดร่วมที่น่าสนใจของทั้งสองประเทศคือ
รสนิยมของประชาชนที่รักการท่องเที่ยว
ซึ่งน่าจะนำไปสู่การสร้างความร่วมมือเพื่อขยายตลาดการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศให้เป็นที่นิยมในวงกว้างมากขึ้น
เช่น
การเจาะตลาดนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัย
และนิยมท่องเที่ยวแหล่งธรรมชาติที่งดงาม
โดยจัดทำแพกเกจท่องเที่ยวร่วมกัน
การจัดทำโปรแกรมท่องเที่ยวแบบการผจญภัยในจังหวัดต่าง
ๆ
จัดทำโปรแกรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย
การเพิ่มเส้นทางการบินระหว่างไทย
ออสเตรเลีย
การจัดตั้งศูนย์รองรับผู้สูงอายุจากออสเตรเลียในไทย
การพัฒนาคุณภาพการศึกษา
การแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างกัน
โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการศึกษาของประเทศออสเตรเลีย
จะเป็นแรงผลักให้การปฏิรูปการศึกษาไทยสำเร็จแบบมีคุณภาพ
โดยอาจร่วมมือในรูปแบบของ
การจัดทำหลักสูตรร่วมกัน
ให้มีการเทียบโอนหน่วยกิตได้
การแลกเปลี่ยนอาจารย์สอนภาษาทั้งในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
อาชีวศึกษาและอุดมศึกษา
การจัดตั้งศูนย์วิจัยศึกษาวัฒนธรรมไทยและออสเตรเลีย
เพื่อสร้างความเข้าใจให้นักธุรกิจปรับตัวได้เร็ว
และ
ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับรสนิยม
พฤติกรรมระหว่างกัน
การปรับปรุงและพัฒนาสิ่งแวดล้อม
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
และมีการพัฒนาด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมจนเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก
ในขณะที่ปัญหาด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออกของไทย
จึงอาจเสนอขอความร่วมมือให้ออสเตรเลียเข้ามาช่วยพัฒนามาตรฐานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม
เพื่อแก้ไขอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ
รวมถึงการร่วมพัฒนาเมืองใหญ่
ให้กลายเป็นเมืองน่าอยู่
มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยว
ข้อเสนอข้างต้นนี้เป็นประเด็นที่น่าสนใจที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศน่าจะศึกษารายละเอียด
และใช้ศักยภาพของกันและกันให้เกิดประโยชน์กับประเทศให้มากที่สุด
|