Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

ขอคิดอย่างสร้างสรรค์


ตุลาการกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติ

The judiciary and national crisis resolution
 

8 พฤษภาคม 2550

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก                                   

              ข้อเรียกร้องให้ อำนาจตุลาการ หรือ ตุลาการภิวัตน์ เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาวิกฤตของบ้านเมือง นอกเหนือไปจากอำนาจหน้าที่ในการพิพากษาคดีต่าง ๆ ปรากฏอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคสอง  ในกรณีที่ประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤต เหตุการณ์คับขัน หรือเกิดสถานการณ์จำเป็นอย่างยิ่งในทางการเมือง ให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาหาทางป้องกันหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าว

            หลังจากนั้น จึงเกิดประเด็นถกเถียงเกิดขึ้นว่าเป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่ ที่ให้ฝ่ายตุลาการเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง ที่ผ่านมา ได้มีเสียงสะท้อนและการแสดงจุดยืนของศาลยุติธรรม ที่ไม่อยากให้ฝ่ายตุลาการ (ประธานศาลฎีกา-ตัวแทนของฝ่ายตุลาการ) เข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง เพราะอาจมีผลทำให้ฝ่ายตุลาการไม่สามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบอย่างเป็นกลางได้ โดยรวมถึงการเป็นองค์คณะในการพิจารณาหาทางป้องกันหรือแก้ไขปัญหาวิกฤตบ้านเมือง  

หากพิจารณาเฉพาะประเด็น การให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด มีส่วนร่วมเป็นองค์คณะเพื่อช่วยกันหาทางออกที่ดีที่สุดแก่บ้านเมืองในยามวิกฤต น่าจะเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะก่อประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน มากกว่าจะถูกมองว่าเป็นเครื่องมือในทางการเมือง

            ในทัศนะของผม  หากสังคมการเมืองไทยเข้าขั้นวิกฤต ไม่ว่าจะเกิดจากความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างคนกลุ่มต่าง ๆ การเกิดภัยธรรมชาติ การก่อการร้าย วิกฤตเศรษฐกิจ หรือปัญหาอื่นที่รัฐบาลไม่สามารถจัดการได้ ย่อมน่าจะเป็นโอกาสอันเหมาะสมที่ตัวแทนของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ สมควรที่จะร่วมกันประชุม ถกเถียง เพื่อหาทางที่ดีที่สุดในการนำพาบ้านเมืองพ้นจากวิกฤต โดยเฉพาะบทบาทของศาลยุติธรรมซึ่งเป็นสถาบันที่ประชาชนให้ความเคารพและเชื่อมั่น

กล่าวโดยทั่วไปแล้ว ประชาชนคงไม่มีความรู้สึกว่า หากศาลเข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าวจะเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง ตรงกันข้าม กลับเป็นสิ่งที่ดีเสียอีก ที่จะได้แง่มุมทางด้านความคิด แง่มุมกฎหมาย และการแก้ปัญหา จากผู้ทรงไว้ซึ่งคุณวุฒิในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีต่อประเทศ มากกว่าที่จะปล่อยให้วิกฤตในบ้านเมืองร้อนแรงขึ้น โดยไม่มีใครก้าวเข้ามาหาทางออกให้ นอกจากวงจรเดิมที่เกิดขึ้นเช่นในอดีต นั่นคือ การปฏิวัติ หรือ การรัฐประหาร ในหลายเหตุการณ์ เมื่อบ้านเมืองเข้าสู่วิกฤตทางการเมือง กองทัพได้เข้ามาจัดการกับปัญหาดังกล่าวโดยการใช้กำลังเข้ายึดอำนาจ ซึ่งไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องและยอมรับได้ในระบอบประชาธิปไตย

โดยสรุป บทบาทดังกล่าวในมาตรา 68 วรรคสอง จะช่วยส่งเสริมการทำหน้าที่ของตัวแทนฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ มีโอกาสได้ร่วมกันคิด ร่วมกันแก้ไขปัญหาของประเทศ อันจะนำมาซึ่งความสงบสุขและสมานฉันท์ นอกเหนือไปจากการทำหน้าที่ในการถ่วงดุลและตรวจสอบการทำหน้าที่ซึ่งกันและกันดังที่แล้วมา

ดังนั้น ในประเด็นนี้ จึงอยากให้ศาลได้ทบทวนใหม่ว่าควรมีส่วนร่วมในการเป็นองค์คณะหรือไม่ ซึ่งหากเห็นว่า บุคคลผู้เข้าร่วมเป็นองค์คณะนั้นน้อยเกินไป ควรเสนอให้มีตัวแทนภาคส่วนอื่น ๆ เข้ามามีส่วนร่วมแก้วิกฤตชาติด้วย อันจะช่วยลดความรู้สึกว่า เราฝากการแก้วิกฤตชาติไว้กับบุคคลเหล่านี้ และจะช่วยลดข้อสงสัยว่า บุคคลเหล่านี้ เข้ามาแก้วิกฤตโดยมีนัยแอบแฝงทางการเมืองหรือไม่ ลงได้บ้าง

  

-------------------------------