อย่างไรก็ตามเกณฑ์ที่จะประกาศใช้ในปีการศึกษา
2553
นั้นยังต้องมีการหารือกันอีกครั้ง
เนื่องจากยังมีผู้ไม่เห็นด้วยอีกมาก
โดยในเรื่องดังกล่าวผมยังคงค่อนข้างเป็นห่วงอยู่ในหลายประเด็น
ดังนี้
การยกเลิก
GPA =
ยกเลิกการวัดความสามารถในรายวิชา
เพราะองค์ประกอบ
GPA
มีนัยสำคัญที่ช่วยสะท้อนความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียนในบางวิชา
ซึ่งทำให้ผู้เรียนแต่ละคนรู้ว่าควรเลือกเรียนคณะอะไร
การยกเลิก
GPA
จึงอาจมีผลทำให้ผู้เรียนละเลยที่จะประเมินความสามารถของตนเอง
อีกทั้งเกณฑ์ใหม่นี้
ไม่ได้แก้ปัญหาเกรดเฟ้อ
เนื่องจาก
GPA
เป็นส่วนหนึ่งของ
GPAX
จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการปล่อยเกรดเฟ้อที่
GPA
และส่งผลมาสู่
GPAX
ได้เช่นเดียวกัน
การให้ความสำคัญกับผลการเรียนในห้องมากเกินไป
เห็นได้จากเหตุผลการของการยกเลิก
GPA
และหันมาใช้
GPAX
เพื่อต้องการให้ผู้เรียนเรียนในชั้นเรียนมากขึ้น
และองค์ประกอบอื่นกลับไม่ได้สนับสนุนให้ผู้เรียนพัฒนาศักยภาพด้านอื่น
นอกจากความสามารถด้านวิชาการ
ผมเห็นว่า
หาก ทปอ.
ยังคงใช้องค์ประกอบในลักษณะนี้อยู่
ปัญหาจะวนกลับมาที่เดิม
คือ
เด็กไม่รู้จักตัวเอง
ไม่พัฒนาทักษะความสามารถด้านอื่น
แต่จะมุ่งทำเกรดให้สูงที่สุด
และมีแนวโน้มที่โรงเรียนบางแห่งจะปล่อยเกรดเฟ้อมากขึ้น
การกำหนดองค์ประกอบของการคัดเลือกนักศึกษาเข้ามหาวิทยาลัยในระบบแอดมิชชัน
ควรเป็นองค์ประกอบที่มีส่วนกระตุ้นให้โรงเรียนพัฒนาผู้เรียน
โดยองค์ประกอบที่ผมคิดว่าควรเพิ่มเติม
คือ
การทำกิจกรรมนอกห้องเรียน
การคัดเลือกผู้เรียนเข้าศึกษาต่อควรพิจารณาด้วยว่า
ในระหว่างที่เรียนนั้น
ผู้เรียนได้ร่วมทำกิจกรรมอะไรมาบ้าง
ซึ่งผู้เรียนที่ต้องการเข้าศึกษาต่อ
จะต้องแสดงหลักฐานที่บ่งบอกถึงกิจกรรมที่ได้เข้าร่วมอย่างชัดเจน
และมหาวิทยาลัยอาจตรวจสอบกลับไปยังโรงเรียนได้
หากต้องการยืนยันว่าผู้เรียนทำกิจกรรมดังกล่าวจริงหรือไม่
การแสดงความตั้งใจในการศึกษาต่อ
ควรพิจารณาผู้เรียนที่มีความตั้งใจจริงในการศึกษาต่อในสาขานั้น
ๆ
อาจดำเนินการได้โดยให้แต่ละมหาวิทยาลัยกำหนดคำถามบางประการไว้ในใบสมัคร
หรือในช่วงสอบสัมภาษณ์
ตามที่มหาวิทยาลัยเห็นว่ามีความเหมาะสมในการคัดเลือกนักศึกษา
คุณลักษณะด้านคุณธรรมจริยธรรม
ควรมีการพิจารณาประเด็นคุณธรรมจริยธรรมของผู้ที่ต้องการศึกษาต่อร่วมด้วย
เช่น
การนำเอาข้อมูลจากสมุดพกความดีเข้ามาประกอบการพิจารณา
โดยสร้างตัวชี้วัดด้านคุณธรรมให้ออกมาเป็นคะแนน
และกำหนดความเหมาะสมของการให้น้ำหนักคุณธรรมจริยธรรม
เพื่อกำหนดสัดส่วนระหว่างคะแนนของความดีกับความรู้ให้เหมาะสม