Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

ขอคิดอย่างสร้างสรรค์


ปรับโครงสร้างภาษี...ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดิน
Promote Land Utilization by Land Tax Reform
 

21 เมษายน 2550

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก                                   

               เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนการครอบครองกรรมสิทธ์ที่ดินของมูลนิธิวัดสวนแก้วที่ซื้อจาก นางวันทนา สุขสำเริง ผู้ครอบครองที่ดินปรปักษ์ โดยให้กลับไปเป็นกรรมสิทธิ์ของ นางทองอยู่ หิรัญประดิษฐ์ เจ้าของเดิม หลังจากทายาทเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินเดิมได้คัดค้านต่อศาลว่า ผู้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินแปลงดังกล่าวไม่ถูกต้อง เหตุการณ์นี้ทำให้ คำว่า ผู้ครอบครองที่ดินปรปักษ์ เริ่มเป็นที่คุ้นหู

อย่างไรก็ตาม ผมจะไม่กล่าวถึงคดีดังกล่าว แต่จะขอพิจารณาถึงเจตนารมณ์ของข้อกฎหมายว่าด้วยผู้ครอบครองที่ดินปรปักษ์ ซึ่งอยู่ในประมวลกฎหมายที่ดินนานมาแล้ว

แท้จริงเจตนารมณ์ที่ของข้อกฎหมายนี้ ต้องการให้ที่ดินได้ถูกใช้ประโยชน์มากกว่าที่จะถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า และเปิดโอกาสให้คนยากจนมีโอกาสได้มีที่ดินทำกิน แต่ไม่ได้เปิดโอกาสให้บุคคลไปครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของบุคคลอื่นได้ง่าย ๆ เพราะกฎหมายมีเงื่อนไขที่ค่อนข้างรัดกุม โดยจะต้องเป็นผู้ที่เข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้นอย่างเปิดเผยเป็นเวลายาวนาน จึงจะมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นได้

แม้ว่าประเด็นผู้ครอบครองที่ดินปรปักษ์จะไม่สามารถทำให้บรรลุเจตนารมณ์ของกฎหมายได้มากนัก เพราะไม่ได้สร้างแรงจูงใจให้เจ้าของที่ดินเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้าไปใช้ประโยชน์จากที่ดินว่างเปล่า ถึงกระนั้นการมีบทบัญญัติข้อนี้ยังดีกว่าไม่มีเสียเลย เพราะอย่างน้อยยังเป็นเครื่องมือหนึ่งที่เป็นช่วยให้ที่ดินที่ที่ว่างเปล่าและเจ้าของไม่ได้มาดูแล ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้บ้าง

ผมเห็นว่าควรใช้เครื่องมืออื่นร่วมด้วย เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในที่ดินมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะการปรับปรุงโครงสร้างภาษีที่ดิน ซึ่งผมขอเสนอวิธีการจัดเก็บ 2 ส่วนดังนี้

เก็บภาษีที่ดินเพิ่มขึ้นตามมูลค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้น

ผมเห็นว่าอัตราภาษีที่ดินของบ้านเรายังต่ำอยู่มาก ไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้น เจ้าของที่ดินจำนวนหนึ่งซื้อไว้เพื่อเก็งกำไร ทำให้ที่ดินจำนวนมากถูกทิ้งร้าง โดยไม่ได้ทำประโยชน์ เหตุผลเพราะมูลค่าของที่ดินที่เพิ่มขึ้น สูงกว่าต้นทุนของการถือครอง ซึ่งประกอบด้วยมูลค่าของภาษีที่ดินที่ต้องจ่าย รวมกับค่าเสียโอกาสในการใช้เงินที่นำมาซื้อที่ดินผืนนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ทรัพยากรที่ดินของประเทศจึงไม่ได้ใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด

ผมขอเสนอให้รัฐเก็บภาษีที่ดิน โดยคำนวณจากส่วนต่างของมูลค่าของที่ดินที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี หรือ capital gain tax เนื่องจากเจ้าของที่ดินนั้นได้รับประโยชน์จากมูลค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้น โดยที่ไม่ได้ทำอะไรกับที่ดินนั้น การเก็บภาษีดังกล่าวนี้เปรียบได้กับการที่เจ้าของที่ดินฝากเงินไว้กับธนาคาร ซึ่งจะต้องเสียภาษีโดยคำนวณจากมูลค่าของดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินฝากนั้น

capital gain tax ควรเก็บในอัตราที่สูงกว่าหรือเท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากระยะยาว และเป็นอัตราก้าวหน้าตามอัตราการเพิ่มขึ้นของมูลค่าที่ดิน ซึ่งถ้าเป็นได้ควรเป็นภาษีลอยตัวตามอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยในตลาดในปีนั้น ๆ

ยกตัวอย่าง ถ้าดอกเบี้ยระยะยาวมีค่าเฉลี่ยตลอดทั้งปีที่ร้อยละ 3 ต่อปี และภาษีเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 5 ของมูลค่าดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับ อัตราภาษีที่ดินขั้นต่ำที่สุดควรอยู่ที่ร้อยละ 5 ของมูลค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นในปีนั้น แต่หากมูลค่าที่ดินในปีนั้นเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 3 หรือสูงกว่าดอกเบี้ย เจ้าของที่ดินจะต้องถูกจัดเก็บภาษีสูงกว่าร้อยละ 5 ของมูลค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้นในปีนั้น

ทั้งนี้ เพื่อลดแรงจูงใจในการเก็งกำไร เพราะทำให้การใช้ทรัพยากรที่ดินขาดประสิทธิภาพ แต่ผลักดันให้ประชาชนนำเงินเก็บที่มีอยู่ไปฝาก หรือลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมมากกว่า เจ้าของที่ดินที่ปล่อยให้ที่ดินรกร้างจะถูกกดดันให้ต้องทำประโยชน์จากที่ดินนั้น เพื่อให้มีรายได้ชดเชยกับภาษีที่จะต้องเสียในแต่ละปี หรือถูกกดดันให้ขายที่ดินสู่ตลาด ทำให้ที่ดินดังกล่าวถูกเปลี่ยนมือไปสู่ผู้ที่ต้องการเข้ามาใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้นจริง ๆ

เก็บภาษีที่ดินเพิ่มขึ้นเมื่อไม่ใช้ประโยชน์จากที่ดิน

การเก็บภาษีส่วนนี้เป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากกรณีแรก โดยเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจากที่ดินที่ไม่ถูกทำประโยชน์ แต่มีข้อยกเว้นสำหรับที่ดินที่ถูกใช้ประโยชน์ วิธีการคำนวณภาษีอาจแตกต่างกันตามโซนพื้นที่ โดยกำหนดเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำจากการใช้ประโยชน์ในที่ดินในอัตราที่เหมาะสมตามโซนพื้นที่ แต่การคำนวณเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำจะต้องสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ

เจ้าของที่ดินจะต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล หรือขึ้นทะเบียนสำหรับการเสียภาษีในส่วนนี้ โดยจะต้องยื่นแบบแสดงรายได้จากการใช้ประโยชน์ในที่ดินของตน ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถตรวจสอบได้ในระดับหนึ่งว่า มีการใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้นหรือไม่ ทั้งนี้การใช้ที่ดินนั้นได้รับรายได้ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์รายได้ในอัตราที่กำหนด จะได้รับยกเว้นการเสียภาษี

อย่างไรก็ตาม หากรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์รายได้ที่กำหนด เจ้าของที่ดินจะต้องแสดงหลักฐานหรือถูกตรวจสอบต่อไปว่า มีการทำประโยชน์จากที่ดินอยู่จริงหรือไม่ หากไม่มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้น เจ้าของที่ดินจะต้องเสียภาษีส่วนนี้ เพื่อทำให้การใช้ที่ดินในภาพรวมมีประสิทธิภาพ

ทรัพยากรที่ดินมีจำกัดและไม่สามารถสร้างให้เพิ่มขึ้น แต่กลับมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนประชากรและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลจึงควรแสดงความกล้าหาญในการปรับโครงสร้างภาษีที่ดินดังกล่าว เพื่อให้เกิดใช้ทรัพยากรที่ดินอย่างเป็นประโยชน์สูงสุด

 

-------------------------------