Go www.kriengsak.com

ประวัติ

ครอบครัว

งานวิชาการ

กิจกรรม

Press

Contact us

ค้นหา

 

ขอคิดอย่างสร้างสรรค์


เรียนฟรี 12 ปี ความฝัน หรือ ความจริง?
Twelve years of free Study : A dream or a reality?

 

16 เมษายน 2550

เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก                                   

               ในประเด็นของการระบุในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้สิทธิประชาชนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานฟรี 12 ปีโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย เช่นเดียวกับที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2540 โดยมองว่า เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และเป็นหน้าที่ของรัฐต้องจัดสรรงบประมาณด้านการศึกษาให้ประชาชน   

อย่างไรก็ตาม ความจริงอีกด้านที่ไม่ควรมองข้ามคือ การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ผ่านมาพบว่า ไม่ฟรีตรง จากการวิเคราะห์นโยบายขยายการอุดหนุนการศึกษาจาก 9 ปีเป็น 12 ปี โดยมุ่งไปที่ประเด็นการกระจายเงินอุดหนุนให้แก่ผู้เรียนอย่างเท่า ๆ กัน พบว่า รัฐไม่สามารถรับภาระอุดหนุนระยะยาวได้

การจัดสรรงบประมาณอุดหนุนรายหัวล่าสุดได้มีการสรุปตัวเลขเงินอุดหนุนรายหัวใหม่ ในระดับประถมศึกษาเป็น 1,900 บาทต่อปี มัธยมศึกษาตอนต้น 3,500 บาทต่อปี มัธยมศึกษาตอนปลาย เป็น 3,800 บาทต่อปี โดยหากใช้อัตราใหม่นี้ รัฐจะต้องจัดสรรงบประมาณเพิ่มอีกกว่า 17,000 ล้านบาท เพื่อให้เพียงพอกับนักเรียนทั้ง 12 ล้านคน หากพิจารณาจากงบประมาณ 20,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2551 จัดสรรให้จำนวน 4,825 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2552 จำนวน 4,833 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นทุกปีไปเรื่อย ๆ เท่ากับเพิ่มภาระทำให้รัฐบาลไม่สามารถจัดสรรเพื่อพัฒนาด้านอื่น ๆ อย่างทั่วถึงได้ ซึ่งในความเป็นจริงไม่สามารถทำได้

ที่สำคัญ ที่ผ่านมา ไม่แก้ปัญหาโรงเรียนเก็บเงินเพิ่มจากผู้ปกครอง แม้ว่ารัฐบาลพยายามจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติมแก่โรงเรียนต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นคือ ระดับประถมศึกษา 2,088.07 บาท ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 4,137.63 บาท มัธยมศึกษาตอนปลาย 4,479.03 บาท ซึ่งโรงเรียนยังคงต้องแบกรับภาระส่วนต่างที่เกิดขึ้นอยู่ ทำให้โรงเรียนคงต้องระดมทุนจากผู้ปกครองเพิ่มเติมในรูปของเงินค่าอุปกรณ์การเรียน เงินค่าห้องสมุด เช่นที่ผ่านมา

ด้วยเหตุนี้ หากรัฐบาลต้องการระบุถึงสิทธิในการรับการศึกษาของประชาชนในรัฐธรรมนูญอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยรัฐต้องทำหน้าที่เป็นผู้อุดหนุนนั้น ต้องมีแผนงานที่รอบคอบ และพิจารณาถึงแนวทางที่สามารถทำได้จริงในภาคปฏิบัติ ควรกำหนดเงื่อนไขให้รัฐต้องทำแผนการศึกษาระยะยาว ชี้แจงถึงที่มา วิธีการ แนวทางที่ชัดเจนในการจัดสรรงบประมาณ ให้เพียงพอกับการอุดหนุนการศึกษา เพียงพอกับค่าใช้จ่ายรายหัวที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อป้องกันปัญหาเดิมที่ไม่สามารถทำตามกฎหมายได้จริง ผู้ปกครองยังคงต้องรับภาระส่วนต่างที่รัฐไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จ

แม้ว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญจะเป็นผลดีต่อประชาชน แต่หากพิจารณาในภาคปฏิบัติแล้ว แทบไม่มีทางเป็นไปได้ การระบุเช่นนี้ย่อมไม่เกิดประโยชน์อันใด ดังนั้นหากเราต้องการให้รัฐธรรมนูญมิได้เป็นเพียงบทบัญญัติสวยหรู แต่มีผลบังคับใช้ได้จริง บทบัญญัติทุกมาตราจึงควรมีแนวทางที่ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า จะเป็นเช่นนั้นจริงในภาคปฏิบัติด้วย

 

-------------------------------