เรียนมิตรสหายที่เคารพรัก
การแก้ไขสถานการณ์ภาคใต้ของรัฐบาล
ดูเหมือนจะไม่สามารถยุติความรุนแรงลงได้ในเวลาอันใกล้
ฝ่ายคนร้ายที่ก่อเหตุในพื้นที่
3
จังหวัดชายแดนภาคใต้พยายามสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างหนักหน่วง
รุนแรง
ต่อเนื่อง
และมีแนวโน้มว่าสถานการณ์จะลุกลามไปยังจังหวัดใกล้เคียง
เพื่อผลักดันให้ประชาชนที่ทนไม่ได้กับสถานการณ์ที่รุนแรงจำเป็นต้องออกจากพื้นที่
หรือทำให้ประชาชนที่ต้องการอยู่ในพื้นที่ต่อไปกลายเป็นพวกเดียวกับฝ่ายคนร้ายไม่ว่าจะโดยสมัครใจ
หรือโดยความกลัวก็ตาม
ในขณะที่ฝ่ายรัฐที่ยึดแนวสมานฉันท์
กลายเป็นฝ่ายตั้งรับ
และคอยแก้สถานการณ์ตามเกมส์ของคนร้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่สามารถปกป้องประชาชนในพื้นที่ได้อย่างที่ตั้งใจ
หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป
คือ
จะทำให้ประชาชนใน
3
จังหวัดชายแดนภาคใต้กลายเป็นฝ่ายเดียวกับคนร้ายมากขึ้นเรื่อย
ๆ
จะยิ่งทำให้ฝ่ายรัฐทำงานได้ยากลำบากขึ้น
เพราะอำนาจรัฐจะถูกขนาบและลดทอนไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
คำถามจึงเกิดขึ้นว่า
เหตุใดสถานการณ์จึงเป็นเช่นนี้
และรัฐจะแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร
การวิเคราะห์สถานการณ์ในภาคใต้ในเวลานี้จะใช้ทฤษฎีเกม
(game
theory)
โดยกำหนดให้มีผู้เล่น
2
ฝ่ายคือ
รัฐบาลและโจรก่อการร้าย
ซึ่งทั้ง
2
ฝ่ายมีเป้าหมายเดียวกัน
คือการแย่งชิงฐานมวลชนให้มาอยู่ฝ่ายตน
และแต่ละฝ่ายมีทางเลือกกลยุทธ์ในการต่อสู้กัน
2
ทางเลือก
คือ
การสมานฉันท์
และการใช้ความรุนแรง
การเลือกใช้กลยุทธ์แบบใดขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายหนึ่งใช้กลยุทธ์อะไร
และมวลชนมีพฤติกรรมตอบสนองต่อกลยุทธ์ต่าง
ๆ
อย่างไร
ทั้งนี้เมื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการตอบสนองของประชาชน
โดยใช้แนวคิดเศรษฐศาสตร์
สาขาเศรษฐประสาทวิทยา
(Neuroeconomics)
ที่เน้นการศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจที่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจเลือกของบุคคล
โดยเฉพาะการศึกษากระบวนการรับรู้
(cognition)
ที่เกิดขึ้นเมื่อคนเข้าใจทางเลือกและเลือกทางเลือกใดทางเลือกหนึ่ง
ซึ่งพบแนวโน้มที่ยืนยันว่า
อารมณ์ความรู้สึกเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกทางเศรษฐศาสตร์
และพบว่า
“การสูญเสียมีผลกระทบต่อการตัดสินใจ
มากกว่า
ผลตอบแทนเชิงบวก”
เมื่อนำเศรษฐศาสตร์สาขาประสาทวิทยามาวิเคราะห์การตัดสินใจของประชาชนใน
3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าจะเลือกอยู่ฝ่ายรัฐหรือฝ่ายคนร้าย
ประชาชนแต่ละคนจะเลือกโดยการเปรียบเทียบผลประโยชน์
(benefit)
ที่คาดว่าจะได้รับ
เปรียบเทียบกับต้นทุน
(cost)
ที่คาดว่าจะต้องจ่าย
หากรัฐบาลใช้กลยุทธ์สมานฉันท์และผู้ก่อความไม่สงบใช้ความรุนแรง
ประชาชนมีแนวโน้มจะไม่เลือกอยู่ฝ่ายรัฐ
แม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะพยายามสร้างผลประโยชน์
(benefit)
ทดแทนให้กับประชาชนใน
3
จังหวัดชายแดนภาคใต้
อาทิ
การคุ้มครองจากรัฐ
การให้สวัสดิการ
การให้เงินช่วยเหลือด้านต่าง
ๆ ฯลฯ
แต่การเพิ่มผลประโยชน์ใด
ๆ
ยากที่จะทดแทน
หรือเทียบกับต้นทุน
(cost)
ที่เขาจะต้องจ่ายซึ่งสูงมาก
คือ
การบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
เพราะคนร้ายอาจจะจัดการเขาเมื่อทราบว่าเป็นฝ่ายรัฐ
แม้ความน่าจะเป็นที่จะถูกทำร้ายหรือฆ่าอาจจะต่ำ
แต่ผลกระทบที่อาจจะเกิดมีความรุนแรงมาก
ในทางตรงกันข้าม
หากประชาชนเลือกอยู่ฝ่ายคนร้าย
แม้เขาจะไม่ได้รับประโยชน์ใด
ๆ
จากคนร้าย
ในขณะเดียวกันต้นทุนที่เขาจะต้องเสียต่ำ
หรือแทบจะไม่มี
เพราะการที่เขาเลือกอยู่ข้างเดียวกับคนร้าย
หรือร่วมก่อเหตุกับคนร้าย
อำนาจรัฐเองยังไม่แสดงว่าสามารถเข้าไปจัดการ
หรือสร้างให้เกิดต้นทุนที่เขาต้องสูญเสียได้มากพอ
จึงไม่น่าแปลกใจที่ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบจะเลือกใช้กลยทุธ์การสร้างความรุนแรง
การสร้างความกลัว
เพื่อเพิ่มต้นทุนให้กับคนที่เลือกอยู่ฝ่ายรัฐ
อย่างไรก็ตาม
ฝ่ายรัฐไม่สามารถเพิ่มต้นทุนในการอยู่ฝ่ายคนร้าย
โดยใช้กลยุทธ์ความรุนแรง
แม้อาจจะเป็นวิธีแย่งชิงมวลชนได้ตามทฤษฎีเกม
แต่รัฐบาลไม่ได้มีเป้าหมายสร้างความกลัวให้กับประชาชน
แต่เพื่อสร้างสวัสดิภาพให้กับประชาชน
ฉะนั้นสิ่งที่รัฐควรดำเนินการ
คือ
ลดต้นทุน
(cost)
ของการอยู่ฝ่ายรัฐ
และเพิ่มต้นทุน
(cost)
ให้กับคนที่เลือกอยู่ฝั่งโจรให้มากขึ้น
อาทิ
การเพิ่มการรักษาความปลอดภัย
การลดโอกาสและศักยภาพในการก่อการร้าย
การจัดการกับคนร้ายที่จับได้ด้วยมาตรการที่เด็ดขาดตามกระบวนการยุติธรรม
ผ่านการมีข่าวระบบข่าวกรองที่ถูกตรงและเชื่อถือได้
และการใช้เทคโนโลยีในการสอบสวนและหาหลักฐานเอาผิด
การมีระบบข่าวกรองที่มีคุณภาพเป็นเงื่อนไขที่สำคัญมากในการจัดการกับคนร้าย
เพราะสังคมจะไม่ตั้งคำถามว่าเป็นการจับผิดคนหรือจับแพะหรือไม่
ทั้งนี้ต้องยอมรับกันว่า
ที่ผ่านมารัฐไม่สามารถจับผู้ร้ายที่ก่อเหตุได้
หรือหากจับผู้ต้องสงสัยได้
แต่จะไม่สามารถดำเนินคดีได้ด้วยความน่าเชื่อถือ
เพราะฝ่ายรัฐขาดข้อมูลและหลักฐานในการยืนยันที่ชัดเจนว่า
ผู้ที่จับได้คือผู้กระทำผิดจริงหรือไม่
รวมถึงการดำเนินการกับผู้กระทำผิด
ควรมีความรวดเร็ว
ไม่ควรใช้กระบวนการยุติธรรมร่วมกับคดีปกติ
แต่ควรมีกระบวนการยุติธรรมแบบพิเศษสำหรับภาคใต้
ที่มีความรวดเร็ว
เป็นธรรม
และโปร่งใสในการดำเนินการ
เพื่อให้สงครามแย่งชิงมวลชนระหว่างรัฐกับผู้ร้าย
เป็นสงครามที่สมศักดิ์ศรียิ่งขึ้น
|